วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

หลวงพ่อคง วัดกลางบางแก้ว

หลวงพ่อคง กมฺมสุทฺโธ หรือ พระอาจารย์สัญญา วัดกลางบางแก้ว ปัจจุบัน ท่านอายุ ๖๖ ปี ๔๔ พรรษา ท่าน อุปสมบท ณ อุโบสถ วัดกลางบางแก้ว โดยมี หลวงปู่เพิ่ม พระพุทธวิถีนายก เพิ่ม ปุญญวสโน เป็นอุปัชฌาย์ ตลอดระยะที่ผ่านมาท่านดำรงตน อย่างสมถะ ไม่สะสมทรัพย์ มีเมตตาสูง ชอบช่วย เหลือชาวบ้าน ช่วยเหลือวัดต่างๆที่ขาดแคลน สร้างโบสถ์สร้างศาลาถวาย แก่วัดวาอารามใน ต่างจังหวัด การร่ำเรียนวิชา วิทยาอาคม ต่างๆ ท่านเริ่มจากการที่ช่วยเหลือปฏิบัติอุปฐาก อุปัชฌาย์ของท่าน คือพระพุทธวิถีนายก (หลวงปู่เพิ่ม บุญญสวโน) ทำวัตถุมงคลต่างๆ พร้อมร่ำเรียน อักขระเลขยันต์ พร้อมกันไปด้วย



มาในระยะหลังทำเองเป็นผู้ตีเบี้ย พร้อมจาร อักขระเพื่อให้ญาติโยม นำไปให้หลวงปู่เพิ่ม อธิษฐาน จิตอีกครั้ง ซึ่งหลวงปู่เพิ่มเองท่านบอกว่าเบี้ยแก้ตัวนี้มีพลังครบและสมบูรณ์ในตัวเองอยู่แล้ว ไม่จำ เป็นที่จะต้องให้ท่านเสกอีกก็ได้

หลวงพ่อคงร่ำเรียนวิชาพร้อมฝึกปฏิบัติ วิปัสนา จนเชี่ยวชาญ และยังช่วยเหลือหลวงปู่เจือ ซึ่งถือว่าเป็นศิษย์ผู้พี่ในการปฏิบัติศาสนกิจต่างๆ ท่านเองเป็นผู้ปรุงยาจินดามณีในตำรับ วัดกลางบางแก้ว จนเชี่ยวชาญเรียกได้ว่า เป็นผู้คัดสรรว่าน ที่จะนำมาปรุงยา และลงมือบดยา เองมาตั้งแต่สมัยหลวงปู่เพิ่ม

จนกระทั่งปัจจุบันเมื่อมีญาตโยมมาร้องขอท่านให้ช่วยปรุงยาจินดามณีให้ท่านก็ยังเมตตา ช่วยปรุงให้ในการทำผงยาจินดามณีนั้นหลวงพ่อท่านกล่าวเป็นบทกลอนในการปรุงยา และกรรมวิธี ให้ฟังดังนี้

จินดามณีโอสถอันพิลาสประกอบจาก 
ดอกคราด ดอกจันทร์ เกสรบุษบัน 
 เปราะหอม กำยาน โกฏสอ 
โกฏเขมา น้ำทองประสาน เปลือกกุ่มชนธาร 

ผสมเข้า กรุงเขมา เท่าๆกัน ผสมแล้วตำบด 
พิมเสน ชะมด น้ำผึงรวงรัง กฤษณา 
น้ำมะนาว น้ำมะเขือขื่นคั้น
ผสมเข้าด้วยกันผสมแล้วตำบดตากกิน 

ปฐมบทและการสืบทอดตำราจินดามณีสายวัดกลางบางแก้ว

จากบันทึกที่สืบค้นได้นั้นได้บันทึกว่า วิชาจินดามณีทางสายวัดกลางบางแก้วที่โด่งดัง นั้น เป็นวิชาที่สืบทอดมาจากสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี จากศูนย์รวมสรรพวิชาในสมัยนั้นคือ วัดประดู่โรงธรรม หรือวัดประดู่ในทรงธรรม ในปัจจุบัน

ต้นตำนานที่บันทึกจากปากคำบอกเล่าจากผู้เฒ่า ผู้แก่ที่เล่าทอดต่อกันมาคือ ในสมัย พระปลัดปาน เจ้าอาวาสวัดตุ๊กตา และพระปลัดทอง เจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว ซึ่งตรงกับรัชสมัย รัชกาลที่๓ ท่านทั้ง๒ เป็นสหธรรมมิกและเป็นสหายที่สนิทกันมาก ต่างแลกเปลี่ยนวิชาอาคมที่ได้ไป ศึกษากันมาตลอดหนึ่งในนั้น มีวิชาจินดามณี และวิชาทำเบี้ยแก้อยู่ด้วย เรียกได้ว่าท่านหนึ่งมีวิชา อีกท่านก็มีวิชาเหมือนกัน เมื่อครั้งงานกฐินวัดกลางวัดบางแก้ว ชาวบ้านจำนวนหนึ่งได้อยู่สนทนาธรรมกับพระปลัดทองหลังเลิกงานกฐิน ได้ถามหลวงพ่อเรื่อง จินดามณีมนตราคมว่าคืออะไร หลวงพ่อจึงเดินไปที่ท่าน้ำหน้าวัดแล้ว เอาเท้าข้างหนึ่งแตะที่ผิวน้ำ พร้อมกับภาวนามนต์ ปรากฎว่าฝูงปลาใหญ่น้อยในคลองบางแก้ว กระโจนขึ้นผิวน้ำต่างแวกว่าย แย่งกันว่ายมาบริเวณที่เท้าหลวงพ่อแตะน้ำอยู่สร้างความอัศจรรย์แก่ชาว บ้านที่อยู่ในวัดขณะนั้น จนเป็นที่โจษจันกันต่อมาของชาวบ้านในละแวกนครชัยศรีถึงเหตุการณ์นั้น

การสืบทอดวิชาจินดามณีมนตราคมตกทอดมาสู่หลวงปู่บุญ ขนฺธโชติ หรือพระพุทธวิถี นายกบุญ ซึ่งเป็นยุคที่วัตถุมงคลวัดกลางบางแก้วเป้นที่เลื่องชื่อสุด ทั้งยาจินดามณี เบี้ยแก้ เหรียญ เจ้าสัว ตะกรุด และอื่นๆ ที่หลวงปู่ล้วนเสกด้วยคาถาจินดามณี ล้วนแต่เป็นของศักดิ์สิทธิ์และเข้ม ขลัง ทรงอิทธิฤทธิ์และมีบันทึกประสบการณ์มากมายจวบจนปัจจุบัน การสืบทอดวิชาจากรุ่นสู่รุ่น สายวัดกลางบางแก้ว ลำดับได้ดังนี้ พระปลัดทอง หลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม หลวงปู่เจือ หลวงพ่อคง
 

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

หลวงปู่ญาท่านเขียน ป่าช้ายางขี้นก อุบลราชธานี

ญาท่านเขียน พระอภิญญา แห่งป่าช้า หนองขี้นกจำวัดในกลด ปลูกโรงสอนธรรม ในป่าช้า อายุ 85 ปี มีสมณศักดิ์เป็นถึงพระครู ราชทินนามว่า “พระครูสถิตปุญญานุวัฒน์” เป็นเจ้าอาวาสวัดดอนส้มป่อย ทิ้งตำแหน่งเป็นหลวงตา ปลูกเพิงพักในป่าช้า ย้อนหลังเมื่ออดีต ญาครู ไม่ธรรมดา เพราะท่านเป็นองค์เดียวที่สืบทอดวิชาสาย สมเด็จลุน นครจำปาสัก กับ ญาครูท่านกรรมฐาน เผย (พระครูธรรมบาล) ตั้งแต่ก่อนบวช สมัยเป็นวัยรุ่นเนื้อหอม นักเลงเก่า บางขุนพรหม หันหลังเดินออกวงการ เสือ มุ่งหาธรรมอย่างอุกฤต โชกโชน ทำจริง เรียนจัง เดินข้ามความตายมานักต่อนัก แต่ได้ครูดี คือ ครูทองลือ และ ครูปลั่ง สายพราหมณ์เก่ารัชการที่ ๕ เป็นอาจารย์ของท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม จึงเก่งและแก่งกล้าในวิชาอาคม เป็นนักเลงใหญ่ไม่กลัวใคร จนตำรวจขอร้อง ท่านอาจารย์ฆราวาสทั้งสอง ได้ฝากยันต์ วิชา ไว้ที่ตัว ญาครูฯ จักรักษาสืบทอดไว้จนกว่าจะตาย ไม่มีวันเสื่อม เมื่อลงทำวิชาอาคมใด เหมือนประจุพุทธมนต์ สืบสาย จอมอาจารย์ทั้ง สอง (นี้โบราณเขาลงกันอย่างนี้ ตายแล้วยังมีคนแทน ) ด้วยความกล้าบ้าบิน เคยเข้าไปกราบเรียนวิชากับ ท่านพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณนรรัตราชมานิจ ท่านสอนเน้นกรรมฐานเพื่อเป็นพื้นฐานยกจิตให้สูง ให้พ้นโลก เหนือโลก และสร้างสิ่งมงคลขลังยันโลกแตก กลับมาเรียนวิชากับหมอธรรม และออกบำเพ็ญเพียรในป่าเข้าไปในประเทศลาว เขมร พม่า จนได้สมณศักดิ์พระครูฯ มุ่งปฏิบัติธรรมอย่างอุกฤตมานาน สมถะ สันโดษ เรียบง่าย พระแท้ ที่ต้องกราบ ปัจจุบันท่านลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส แต่สมณศักดิ์ ในหลวงตั้งลาออกไม่ได้ จำพรรษาในกลดปลูกเพิงกลางป่าช้า หนองขี้นก ช่วยเหลือญาติโยม กลางป่าช้า อย่างมุ่งมั่นและ เมตตาบารมี บำเพ็ญ ธรรมให้บรรลุตามแนวทางพระบรมศาสดา



ตอนที่หลวงปู่ ญาครูเดินธุดงค์ มีคนเห็นเป็นร้อยว่า ญาครูเดินข้ามแม่น้ำโขงไปฝั่งลาว ด้วยเท้าเปล่าได้ (ถามญาท่านท่านตอบว่า พระน้าบ่ใช่เป็ดบ่ใช้ห่านจะได้ลอยน้ำ) ชาวบ้านให้สมญาท่านว่า “ญาท่านเขียน เหยียบกลางลำน้ำโขง

ที่ดินผี ที่ป่าโปร่ง ที่นาอาถรรพ์ ต้องกราบขอให้หลวงปู่ ญาครูไปเหยียบนาฝังลอยเท้าท่านไว้ ผีอาถรรพ์วิญญาณร้ายหายสิ้น ข้าวกล้าเติบโตงอกงามผลผลิตมากกว่าเขา ขนาดโดนพายุฝนถล่มนาอื่นเสียหายพังหมด ผืนนาที่ ญาครูเหยียบรอดปลอดภัยได้ผลแปลงเดียวในตำบล ญาครูเป็นพระดี มีบุญใหญ่ ใครทำบุญ ให้พรใคร ได้ผลใหญ่ มงคลสูง ทรงวิเวก พระอภิญญา ที่ไม่เหลืออะไร องค์จริงที่ตามหามาเนินนาน

ด้วยหลวงปู่ญาท่านเขียนมีเจตนาแน่วแน่ แรงกล้า สร้างศาลาไว้ให้ญาติโยมปฏิบัติธรรม กลางป่าช้า การสร้างวิหารทาน เป็นทานวิเศษ ทานอันเลิศในพระศาสนา ต่อยอดบุญวิหารทานด้วยกัน จะได้ มีบุญแรงกุศล ข้ามภพข้ามชาติไปพระนิพพาน ทุกคน ถ้ากำลังไม่ถึง จะเกิดในพระศาสนาพระศรีอาริยะ สำเร็จชาตินั้น ปัจจุบันศาลาปฏิบัติธรรมของท่าน มีเสา ครบ มีหลังคา รอผู้มีบุญใหญ่ เคยเกื้อกูลกันมา ต่อยอด ใหญ่ ร่ำรวยใหญ่ สำเร็จใหญ่ รุ่งเรืองใหญ่ เกิดกี่ชาติก็ไม่จน ด้วย ทานบารมีก่อรูปวิหารทาน กับ พระสุปฏิปัณโณ องค์สำคัญ แห่ง กรุงสยาม

ปาฏิหาริย์ ญาท่านเขียน เดินข้ามแม่น้ำโขงด้วยเท่าเปล่า สยบช้างป่า โขลงพ่อเมืองที่ดุดัน เป็น ช้างบ้าน สอนง่ายยังกับเด็ก คุยกับเจ้าที่เจ้าทางผีป่า สยบนาเฮี้ยน ทุ่งร้าง ป่าอาถรรพ์ได้ เรียกวิญญาณ คนขึ้นมารับบุญกุศลได้ ต่อเส้นวาสนาให้คนดวงตก โยมที่ หากินไม่ขึ้นมีแต่ปัญหาให้รวยขึ้นได้ (เจอประสบการณ์มาทั้งเมือง เป็นวิชาครูพรหมณ์เก่า ครูทองลือ ครูปลั่ง พราหมณ์ สมัยรัชกาลที่ ๕) เสกบ้องไม้ไผ่ให้แตกออกแล้วนำมาลงยันต์ช่วยคนให้แตกหน่อแตกกอธุรกิจได้...

ปัจจุบันญาท่านเขียนมาจำพรรษาอยู่ที่ ศูนย์ปฏิบัติธรรมตำบลยางขี้นก (ป่าช้ายางขี้นก)ต.ยางขี้นก อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี 34150

วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

ครูบาบุดดา วัดหนองบัวคำ ลำพูน

พระครูมงคลพิบูล หรือ ครูบาบุดดา อายุ 98 ปี วัดหนองบัวคำ ต.แม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูน ท่านสืบต้นบุญมาจากครูบาเจ้าศรีวิชัย (หรือหลวงปู่ท่านเรียกว่าครูบาพ่อ) ร่วมสร้างวัดที่จังหวัดลำพูนหลายวัด ครูบาพ่อศรีวิชัยแนะแนวทางปฏิบัติให้ข้ามพ้นวัฏสงสาร พอครูบาพ่อมรณภาพ หลวงปู่ครูบาบุดดาในขณะนั้นอายุ 24 ปี ท่านได้สึกมาเรียนวิชาในไสยศาสตร์ที่อยากรู้ยิ่ง ถ้าครองเพศเป็นพระอยู่ไม่สามารถเรียนได้ จนท่านกำราบเสือปล้นเสือสมิงได้ ถ้าจะนับบายศรีเครื่องบูชาขันธ์ครู หลวงปู่ครูบาบุดดา ท่านบอกว่าให้หลังช้าง 2-3 เชือกก็ไม่พอใส่ เมื่อสมัยหนุ่มๆ ท่านปลุกเสกลำไยให้ออกลูกหน้าแล้งประจักษ์สายตาลูกศิษย์ลูกหามาแล้ว ดูดวงดาวแล้วรู้ว่าจะมีเรื่องที่บ้านไหน จะมีคนตายกี่คนก็บอกได้ ตบพื้นกระดาน เรียกคนให้มาหาก็ทำมาแล้ว ช่วงเป็นฆราวาส ท่านเป็นหมอยาประจำบ้าน เป็นกำนัน ต่อมาหลวงปู่ครูบาบุดดาเบื่อทางโลก จึงออกบวชอีกครั้งตามคำสั่งของครูบาศรีวิชัย (ครูบาพ่อ) ที่ว่า บวชครั้งที่ 2 ก็จบแล้ว หลวงปู่ครูบาบุดดาท่านยังไปเรียนกับครูบาวังที่จังหวัดตากมาหลายปีนอกจากนี้ ท่านมีความสนิทสนมกับครูบาพรหมจักรสังวร (ผู้มีอัฐิเป็นพระธาตุใสเป็นแก้ว) ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา (ร่างไม่เน่าแข็งเป็นหิน) และ ครูบาธรรมชัย ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ พระเกจิ อาจารย์ชื่อดัง "หลวงปู่ครูบาบุดดา" วัดหนองวัวคำ จ.ลำพูน

เมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา แจ้งข่าวจาก นายบุญสม คำหล้า กรรมการวัดหนองวัวคำ อ.ลี้ จ.ลำพูนว่า ครูบาบุดดา อินทปัญโญ เจ้าอาวาสวัดหนองวัวคำ ซึ่งเป็นพระเถราจารย์ผู้ทรงเวทย์วิทยาคมขลัง แห่งแดนล้านนา ได้ถึงแก่การมรณภาพลงด้วยอาการสงบ ณ วัดหนองวัวคำ เมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมาก ยังความโศกเศร้า เสียใจ แก่ศิษยายุศิษย์ทุกท่าน



วัตถุมงคลครูบาบุดดาชุดสุดท้าย ที่ท่านตั้งใจสร้าง และตั้งใจเสก อย่างเต็มที่ ตั้งแต่ วันพญาวัน (13เมษายน พ.ศ. 2555)คล้ายจะฝากของดีไว้ให้ใช้ ฝากของขลัง ไว้คู่โลก ยังพอมีเหลือให้ศรัทธาสานุศิษย์ได้เก็บไว้บูชา พลาดจากนี้ก็ไม่มีแล้ว
  • พระกริ่งพระเจ้าทันใจ 9 คำภีร์ ฝังผงสัตนาเค ผงพระเจ้าทันใจ ฝังตะกรุดอุปคุตปราบมาร ,ตะกรุดรวยทันใจ สร้าง 599 องค์ บูชา 699 บาท (โค๊ต+หมายเลข) 
  • พระกริ่งพระเจ้าทันใจ 9 คำภีร์ ฝังผงสัตนาเค ผงพระเจ้าทันใจ สร้าง 1,200 องค์ บูชา 499 บาท (โค๊ต+ หมายเลข) 
  • ล็อกเก็ตรุ่นแรก ครึ่งองค์ หลัง อุดผงนี้ เจตนาสร้าง ไว้แทนตัวท่าน ไว้ให้ศิษย์รุ่นหลัง มีท่านอยู่ด้วย เจริญ ก้าวหน้าทุกคน)
  • พระผงนั่งกระต่าย ฝังตะกรุดเงิน 9 ดอก
  • พระผงนั่งกระต่าย ฝังตะกรุดเงิน 5 ดอก
  • พระผงนั่งกระต่าย ฝังตะกรุดเงิน 1 ดอก
  • ตะกรุดม้ากล่อมนาง ใช้ต้องเขย่า
  • กุมารดูดรก รุ่นแรก บูชา ตัวละ 300 บาท 
  • ลูกอมม้าเสพนาง เนื้อปีกเครื่องบิน เนื้อทองม้าฬ่อ
ตะกรุดม้ากล่อมนาง

วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

พระสมเด็จทรงครุฑ หลวงปู่ผาด วัดไร่

วัดไร่ ต.ศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เป็นวัดโบราณ สมัยนี้มีพระภิกษุอาจารย์ชื่อดัง "หลวงปู่ผาด อภินันโท" หรือ "พระครูมงคลสาธุวัตร" สิริอายุ 96 ปี พรรษา 75 ทรงไว้ฐานันดรขรัว หลวงปู่ผาด กำเนิดเมื่อวันที่ 24 เดือนกันยายน 2459 วัยเด็กเล็กได้ศึกษาเล่าเรียนชั้นประถมที่สถานที่เรียนประชาบาลวัดยางมณี จนจบชั้น ป.4 ท่านได้รับเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างมากจากพระรัตนมุนี วัดชีโพน ซึ่งเป็นเจ้าคณะอยุธยา ในในเวลานั้น รับไว้เป็นลูกศิษย์ลูกหา ถัดจากนั้นเมื่ออายุครบบวช จึงได้เข้ารับการบวช ณ วัดยางมณี มี หลวงพ่อปลื้ม วัดช้าง เป็นอุปัชฌาย์ หลวงพ่อชวน วัดยางมณี เป็นพระกรรมวาจาจารย์และ หลวงพ่อแทน วัดกำแพง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับฉายา อภินันโท หลังจากบวชเรียนแล้ว ได้ดั้นด้นมาศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมที่วัดมหาธาตุฯ กทม. และทำความเข้าใจวิชาธรรมกายจาก หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ ในปี พ.ศ.2495 ท่านได้รับการรังสฤษฏ์ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดไร่ และตั้งสำนักอบรมวิปัสสนากรรมฐานตามแนวทางวิชาธรรมกายของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ

หลวงปู่ผาดได้จัดนฤมิตและพิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุบูชา เพื่อเป็นเครื่องเคราชุบเลี้ยงสาวก และเป็นที่จำได้ ล่าสุดมีหลายรุ่นที่ฮือฮา และก่อเกิดชั่วโมงบินปาฏิหาริย์เป็นเบือ เช่น พระพรหมลิขิต พระกริ่งเพชรกลับ พญาครุฑ ตะกรุดพระ  พระบรมครูฤาษี ตะกรุดฝนแสนห่า ตะกรุดมหาจักร พรรดิตราธิราช พระพิฆเนศวร  พระกริ่งดีดศาลา ตะกรุดหวายรองบาตร เป็นต้น ล่าสุด หลวงปู่ผาดจัดสร้างวัตถุมงคลในวาระงานกฐินของวัดที่ผ่านมา รูปลักษณ์ พระสมเด็จ ที่เรียกว่า "พระสมเด็จทรงครุฑ" มีพุทธคุณเด่นด้านการเสริมอำนาจศักดิ์สิทธิ์ วาสนา รับราชการเฟื่อง หากินคล่องธุรกิจการค้าเจริญก้าวหน้า

"พระสมเด็จทรงครุฑ หลวงปู่ผาด วัดไร่" มีมวลสารมากมายหลายเนื้อ ดังนี้

  1. พระสมเด็จทรงครุฑ เนื้อนำฤกษ์ เป็นพิมพ์โบราณ สร้างจำนวน 99 องค์ มีหมายเลขกำกับทุกองค์ หลวงปู่ผาด กดพิมพ์ที่วัดเองทุกองค์ ผสมมวลสารสำคัญมากมาย 
  2. พระสมเด็จทรงครุฑ เนื้อผงอิทธิเจสีขาว ผสมกระจกหน้าบันวัดไร่ ฝังพระธาตุ มีเส้นเกศาหลวงปู่ผาดโรยด้านหน้า กดโค้ดเป็นสำคัญ 
  3. พระสมเด็จทรงครุฑ เนื้อผงว่าน ผสมดินกากยายักษ์ ซึ่งดินนี้เป็นดินเดียวกับที่ใช้สร้างพระเนื้อว่านหลวงปู่ทวด วัดช้างให้รุ่นแรก เมื่อปี พ.ศ.2497 ฝังเม็ดแร่ขวานฟ้า และพระธาตุ มีเส้นเกศาหลวงปู่ผาดโรยด้านหน้า กดโค้ดเป็นสำคัญ  
  4. พระสมเด็จทรงครุฑ เนื้อแดง ผสมว่านทางมหานิยม ผสมขนหางนกยูงพัดโบก ฝังพระธาตุและมีเส้นเกศาหลวงปู่ผาดโรยด้านหน้า กดโค้ดเป็นสำคัญ 
  5. พระสมเด็จทรงครุฑ เนื้อเหลืองขาว ฝังเม็ดแร่ มีเส้นเกศาหลวงปู่ผาดโรยด้านหน้า ด้านหลังฝังปลอกลูกปืน กดโค้ดเป็นสำคัญ 
  6. พระสมเด็จทรงครุฑ เนื้อผงธูปกรรมฐาน และเนื้อผงเกสร 108 ฝังตะกรุดเงิน 9 ดอก สร้างจำนวน 196 องค์ ฝังตะกรุดเงิน 8 ดอก สร้างจำนวน 296 องค์ ฝังตะกรุดเงิน 7 ดอก สร้างจำนวน 396 องค์ ฝังตะกรุดเงิน 6 ดอก สร้างจำนวน 496 องค์ ฝังตะกรุดเงิน 5 ดอก สร้างจำนวน 496 องค์ ฝังตะกรุดเงิน 3 ดอก สร้างจำนวน 596 องค์ ฝังตะกรุดเงิน 1 ดอก สร้างจำนวน 996 องค์ เนื้อลงกรุ ไม่ฝังตะกรุด
พระสมเด็จทรงครุฑ เนื้อเหลืองขาว ฝังเม็ดแร่ มีเส้นเกศาหลวงปู่ผาดโรยด้านหน้า ด้านหลังฝังปลอกลูกปืน


สนใจร่วมทำบุญบูชาพระสมเด็จทรงครุฑ หลวงปู่ผาดได้ที่วัดไร่ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง และบูชาได้ที่ไปรษณีย์ใกล้บ้านทั่วประเทศ ตั้งแต่ 1 มี.ค.2555 เป็นต้นไป