วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555

ความเป็นมา การจัดสร้าง พระกริ่ง

การสร้างพระกริ่ง

การสร้างพระกริ่งมีมาแต่ดั้งเดิม เริ่มต้นขึ้นที่ดินแดนประเทศทิเบต และจีน จึงร้องเรียกติดปากว่า พระกริ่งทิเบต และ กริ่งหนองแส พระกริ่งเป็นพระโพธิสัตว์ปางมาช่วยโปรดสัตว์โลก หรือตั้งชื่อกันว่า "พระไภสัชคุรุ" เป็นมารชิตปางหนึ่งของลัทธิมหายาน ซึ่งหมายถึง ทรงเป็นครูในด้านโอสถ คือ การรักษาพยาบาล ต่อมาได้อุโฆษมานิยมสร้างในเขมร

แบบเรียนสร้างพระกริ่งเก่าแก่อยู่กับ สมเด็จพระพนรัต วัดปาแก้ว (วัดใหญ่ชัยมงคล) อยุธยา ต่อมาตำราได้ตกมาถึงคราวรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระปรมานุชิโนรส วัดพระเชตุพนฯ แต่ไม่มีผู้เห็นเหตุการณ์การสร้างพระกริ่งของสมเด็จฯ ท่าน จนกระทั่งตำราตกทอดมาถึง สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ แห่งวัดบวรนิเวศ จึงได้ทรงสร้าง "พระกริ่งปวเรศ" ขึ้น โดยใช้โลหะ 9 อย่างที่เรียกว่า "นวโลหะ" คือ ทองคำ, เงิน, ทองแดง, สังกะสี, ปรอท, บริสุทธิ์, เหล็กละลายตัว, จ้าวน้ำเงิน, ชิน


พระกริ่งวัดสุทัศน์ฯ โดย สมเด็จพระสังฆราชแพ

ซึ่งต่อมา เจ้าคุณเฒ่า วัดมกุฏกษัตริยาราม ได้นำแบบของพระองค์ไปจัดสร้างขึ้นบ้าง แต่ไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน หลังจาก สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศฯ สิ้นพระชนม์ คู่มือการสร้างพระกริ่งตกทอดมายัง "พระพุฒาจารย์ (มา)" หรือ "ท่านเจ้ามา" วัดสามปลื้ม เมื่อครั้งมีสมณศักดิ์เป็น "พระมงคลทิพมุนี" ท่านเคยดำริว่าเมื่ออายุครบ 80 ปีจะสร้างพระกริ่งตามตำรับเดิมที่ได้รับตกทอดมา แต่ท่านก็มรณภาพลงเสียก่อน ตำรานี้จึงตกไปอยู่กับ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ฯ และที่วัดนี้เองถือว่าเป็นตำนานในการพระกริ่งในประเทศไทย ตั้งแต่บัดนั้นมาจนปัจจุบัน พระกริ่งวัดสุทัศน์ฯ สมเด็จพระสังฆราช(แพ) มีชื่อเสียงทรงคุณวิเศษหลายประการ มีผู้นิยมนับถือกันมาก ยิ่งในล่าสุดนี้ยิ่งหายาก เพราะว่า สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ทรงสร้างไว้ปริมาณไม่มาก



สมเด็จพระสังฆราช (แพ)
เค้ามูลที่ทรงสร้างพระกริ่งนั้น เนื่องจากเมื่อครั้งที่ สมเด็จพระวันรัต (แดง) พระอุปัชฌาย์ อาพาธเป็นอหิวาตกโรค สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของ พระองค์ทรงเคยรักษาผู้ป่วยเป็นอหิวาตกโรคให้หายได้ ด้วยการอาราธนาพระกริ่งลงในน้ำทำเป็นน้ำพระพุทธมนต์ แล้วโปรด ให้น้ำนั้นแก่คนไข้ดื่ม ปรากฏว่าหายอย่างน่าฉงน เมื่อตรัสอย่างนั้นแล้ว ก็อาราธนาพระกริ่งลงในน้ำ ทำน้ำพระพุทธมนต์ประทานแก่ สมเด็จพระวันรัต (แดง) เมื่อท่านฉันน้ำพระพุทธมนต์นั้นแล้ว ก็บรรเทาหายอาพาธเป็นปกติ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ได้ทอดพระเนตรเห็นคุณวิเศษน่าอัศจรรย์ ของพระกริ่งในขณะนั้นแล้ว จึงเกิดความสนพระทัย และทรงเริ่มเรียนรู้ค้นคว้าตำราที่จะสร้างพระกริ่งเรื่อยมา จนมีความรู้รอบรู้ในการสร้างจนรอบรู้

เชิญสั่งจองพระกริ่ง 155 ปี สมเด็จพระสังฆราชแพ ได้ที่ www.AmuletAt7.com

พระกริ่ง 155ปี สมเด็จสังฆราชแพ เนื้อนวะโลหะดินไทย



วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

หลวงพ่อจรัญ แห่งวัดอัมพวัน

หลวงพ่อจรัญ แห่งวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งเป็นสถานฝึกซ้อมทำตัววิปัสสนาการเข้าฌาน ตามบริเวณสติปัฏฐาน 4 ขององค์มารวิชัย ด้วยว่ายุยงให้ผู้อยากฝึกซ้อมประพฤติตามธรรมจัดหามาพิทยาความเห็นที่เผง ไม่หยุดจนพร่ำสอนหลักธรรมะต่างๆด้วยว่าเป็นการยกฐานะอารมณ์ให้เนินขึ้น เปรียบนี้มีเกียรติประวัติรุ่งโรจน์รุ่งโรจน์เกี่ยวกับอิทธิพลของ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม หรือ นามสมณศักดิ์ พระธรรมสิงหบุราจารย์ โดยหลวงพ่อจรัญ ท่านเกริ่นพัฒนาชั่งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 จนถึงกรมการพระศาสนาชมชอบชื่นชมเป็นตรวจวัดความเจริญรุ่งเรืองแม่แบบในปี พ.ศ.2513

หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน

วัตถุมงคล พระเครื่อง หลวงพ่อจรัญ รุ่น เจริญพร ที่ผู้คนให้ึความสนใจ ได้แก่ พิมพ์เข่ากว้างโบราณหลังเตารีด, พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่แตกลายงา หลังยันต์พุทธซ้อน, พิมพ์เหรียญแจกทานเล็ก หรือ ผ้ายันต์สี่สี และ พระเครื่องอื่นๆ เป็นต้น

วัตถุมงคลของหลวงพ่อจรัญนี้นับมีความแปลกประหลาดซ้ำในรูปลักษณ์ กับจัดเนรมิตขึ้นด้วยแง่แห่งความหมายมงคล เป็นพิเศษพระพิมพ์สมเด็จทั้ง 3 ชนิดซึ่งตอนหลังอัญเชิญพระคาถาน่าเลื่อมใสมา วางไว้นั่นหมายถึง พระคาถาชินบัญชร หนึ่งในบทสวดมนต์ไหว้พระที่พุทธศาสนิกชนคนไทยนิยมเจริญมาก ถ้าแม้พระสงฆ์ที่ตั้งหน้าเดินย่ำบนพิถีสาย วิปัสสนา จะไม่หมายต่อเรือสิ่งลี้ลับให้สะดุดตาหรือไม่อยาก พิษฐาน วัตถุบูชา ด้วยนับมิใช่ทางที่ควรย่ำเดิน แต่ก็มีที่ยอม นฤมิต และยังมีที่ลงมือ ปลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปรารถนาว่าจะรังสรรค์เองเสกเอง จงหลงเชื่อเถิดว่า ชั้นหนึ่ง หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม หรือหลวงพ่อวัดอัมพวัน ของทั้งสิ้นศิษยานุศิษย์ เป็นพระเถระที่ทรงคุณค่าแก่หมู่ชนเป็นสุดคณนาอย่าง ทั้งวิทยาคาร โรงหมอ โรงทาน งานบุญกุศลต่างๆ พระเครื่องหลวงพ่อจรัญท่านกระทำหมด ล้วนๆการ ปลุก-เสก อันเป็นปณิธานที่เด็ดเดี่ยวของท่านยังผลดีใหญ่โตออกไปวิสาลเลิศนัก ทำครัวเรือนให้เงียบสงบ ร่มเย็นเป็นสุข ทำคนให้เกิดปัญญาญาณเป็นแถวเป็นแนว หลายคน ด้วยการ ปลุก-เสก จากท่าน

วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555

หลวงปู่บุญ โสภโณ วัดทุ่งเหียง

หลวงปู่บุญ โสภโณ หรือ นามตามตำแหน่ง พระครูโสภณพัฒนาภิรม แห่งวัดทุ่งเหียง อายุ 81 ปี 60 ชันษา สดสงฆ์เกจิแห่งยุคอีกองค์หนึ่ง ที่มีวัตรวางตัวเลิศ มีใจที่บริบูรณ์ไปด้วยใจอารีอย่างหาที่สุดมิได้ มีฌานจิตใจอันมั่นคงเฉียบขาดปึกแผ่น รูปบูชาของหลวงปู่บุญ ที่สร้างแต่ละครั้งครา ทั้งปวงได้รับความนิยมด้วยพละกำลังความศรัทธา และชั่วโมงบิน ทั้งด้านเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ค้า คงกระพัน มากขึ้นโชคสมบัติ หลวงปู่บุญ โสภโณ เป็นพระเถระที่จำเริญด้วยพรหมวิหารคุณความดี สั่งสมสร้างบุญญาทศบารมีอันกว้างไกลไม่มีตีค่า ตั้งแต่พื้นที่ราบฝั่งตะวันออกถึงภูผาป่าดอยภูผาทางตอนเหนือ ที่ท่านรับอุดหนุนเจ้าเด็กผู้ด้อยโอกาส คนไทยภูเขาให้มีเวลาได้รับการเรียนรู้จนได้ผลสำเร็จสิกขาไปแล้วว่ากว่าสองพันราย สร้างบุคคลากรให้แก่ศาสนาพุทธ ทั้งด้านปริยัติและประพฤติ ทั้งพระและสามเณรหลายร้อยรูป

หลวงปู่บุญ วัดทุ่งเหียง
 
โดยวัดทุ่งเหียงของหลวงปู่บุญ สามารถตะเวนมาวัดทุ่งเหียง ต.หมอนนาง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ตามนี้ คือการท่องเที่ยว ละ กรุงเทพฯ ใช้ถนนสายมอเตอร์เวย์ ( กรุงเทพ-พัทยา)  เมื่อผ่านจุดพักรถ ศูนย์บริการทางหลวง( ที่มีร้านอาหารสองฟากข้าง ) วิ่งไปสักประเดี๋ยวสังเกตุจะมีแยกด้านซ้ายไป อ.พนัสนิคม เลี้ยวแล้ววิ่งตามทางตรงมากระทั่งถึงถึงสี่แยกไฟแดงก่อนเข้าตลาดพนัสให้ เลี้ยวขวา จะมีป้ายบอกทางมาวัดทุ่งเหียงทั้งสิ้น ถนน

วัตถุมงคลหลวงปู่บุญ วัดทุ่งเหียง มีอยู่มากหลาย ได้แก่ พระกริ่งยอดขุนพล ๖ รอบ ๗๒ ปี, ตะกรุดนะหลงไหล, ตะกรุดมหารวย, พระปิดตาพาโชค และ สมเด็จบุญฤทธิ์หลังยันต์ห้าแถว เป็นต้น

 สมเด็จบุญฤทธิ์หลังยันต์ห้าแถว (ด้านหน้า)
 สมเด็จบุญฤทธิ์หลังยันต์ห้าแถว (ด้านหลัง)

วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

วัตถุมงคล หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด

ในที่ด้านการท่องมนต์พระเครื่องลาง หลวงปู่ผาด ของขลัง หลวงปู่ผาดนั่งพิษฐานใจแบบลืมตาเสก คือว่าวิทยาคมเป่าไปเรื่อย ๆ ซึ่งวิทวัสบอกว่า การลืมตาเสกเป็นการเสกแบบเปิดโลก แบบเดียวกับ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก เป็น เปิดพิถีทุกสิ่งทุกอย่าง เปิดโภคทรัพย์ เปิดทางชีวัน มีอภิญญาจิต คุณลอยฟ้า ผู้คาดคะเนวาระจิตคน เล่ากันว่า แม้แต่เทพดา ยังมาฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษยานุศิษย์และกระแสจิตท่านเท่ากัน ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต พระอรหันต์กลางกรุงแห่งวัดเทพศิรินทร์ฯ



หลวงปู่ผาด
  
หลวงปู่ผาดได้จัดสร้างสรรค์รูปบูชา สำหรับหมายถึงเครื่องอุปถัมภ์ผู้เจริญรอยตาม และเป็นเครื่องระลึกถึงความสมบูรณ์ ความเป็นมงคลมาตั้งแต่ท่านริเริ่มมากุมวัดไร่ใหม่ ๆ จนถึงประจุบันมีหลายรุ่นที่ลือชาปรากฏ และก่อกำเนิดความเชี่ยวชาญปาฏิหาริย์อนันต์ เช่น พระโชคชะตา พระกริ่งเพชรกลับ พญาครุฑ ตะกรุดพระลักษณ์หน้าทอง    พระพิฆเนศวร หมากทุย  ตะกรุดหวายรองบาตร เป็นต้น โดย เมื่อวันเสาร์ที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๑ที่ผ่านมา อันเป็นเพชรฤกษ์ หลวงปู่ผาดท่านได้ปลุกของที่จะแจก อันมี พระฉิมพลี,  ขุนแผนหงษ์ทองคู่,   พร้อมด้วยหนุมานลอยองค์ ให้อย่างผู้ทรงคุณวุฒิจริงๆ และปลุกเสกเป็น มูลนิธิหลวงปู่ทิม นำหนังเสือโคร่งผืนโย่งวางทับปืน, มีด, หอก, ดาบ อันเป็นการข่มศาสตรา ตามเคล็ดลับในการสร้างหนุมาน หลังหลวงปู่ผาดรวมกำลังวังชา หลวงปู่ผาด ท่านมาทำพิธี โดยนั่งทับหนังเสือ เอามือกดหัวเสือ เป็นการข่มจิตข่มอาวุธและเสือ บรรยากาศ เงียบสงัด แต่สุดจะเข้มขลังพระเครื่อง และศักดิ์สิทธิ์ในหัวอกของผู้คงอยู่ได้ในพิธีรีตอง

หนุมาน หลวงปู่ผาด

พระเครื่อง และ วัตถุมงคล หลวงปู่ผาดที่มีชื่ออาทิ หนุมาน หลวงปู่ผาด พระสมเด็จนาคปรก พระสมเด็จโพธิ์ปรก เหรียญเสมา พระขุนแผน เป็นต้น ถือเป็นพระเครื่อง ชื่อดังของหลวงปู่ผาดเลยทีเดียว

วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555

หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู

Luang Phu Kambu – 89 years old, of Wat Gut Chompoo, Ubon Rachatani, is a Master Gaeji Ajarn who is believed to have very powerful Puttakom (Buddha Magic power). Luang Phu is a direct Looksit of the lineage of Pra Kroo Wirote Ratanomol (Luang Phu Rod Nantaro), of Wat Sri Mueang, and is the ex Boshop of Ubon Rachatani province. He was born in the village of Gut Chompoo on the 15th of February 2465 which was a full moon monday in the year of the dog. He had the surname ‘Kam Ngaam’ (meaning beautiful gold). His mother and father were Mr Sa and Mrs Hom Kam Ngaam. His family were farmers. He was the youngest of 6 siblings. He is currently one of Thailands most famous Guru Monks, whose amulets are of the most sought after in the modern amulet movement. 

หลวงปู่คำบุได้ทำความเข้าใจศาสตร์วิทยานานา จากคู่มือ จนมีทักษะชำนาญ จึงออกเดินย่ำจารึกธุดงควัตรเพื่อเที่ยวหาครู ได้มีทางเลือกร่ำเรียนสายสืบพิทยาความเห็นแจ้งกรรมฐานและเวทมนตร์มากมาย ในถนนของท่านจบลุน ในวัดเวิ่นไชย เมืองปาเซ นครจำปาสัก ตุ๊เจ้าผู้ทรงอภิญญา เว้นแต่การหาความรู้วิทยาทางกระด้างความเห็นแจ้งกรรมฐานแล้ว ทุกสิ่งวิชาอาคมทุกกิ่งไม้ หลวงปู่คำบุท่านก็มีประสบการณ์และได้หมั่นเล่าเรียนหัดอยู่เป็นปรกติ ตามข้อบังคับสั่งสอนของครู ปัจจุบัน หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต วัดวาอารามกุดชมภู มีคราวถึง 86 ปี แต่ยังคงให้ความเมตตาสงสารศิษย์อย่างไม่ว่างเว้น ในทุกอังคาร ดาวเสาร์ และตะวัน หลวงปู่คำบุท่านจะประกอบกิจพระราชพิธีลงเหล็กจารตัวเขียนธรรมอักษรลาว ลงบนแผ่นหลังของทั้งหมดผู้เจริญรอยตามที่โคจรมาจากพื้นที่ต่างๆ ด้วยความเมตตา การจารตัวเขียนคุณความดีลงแผ่นหลังของหลวงปู่คำบุ นับว่าเป็นแผนการทางธรรมเพื่อส่อถึง "ความสะเพร่าเป็นที่เกิดแห่งอายุกษัยหรือวิบัติ" เหตุฉะนี้ควรทำสมาธิไม่ให้อยู่ในความสะเพร่า ที่สำคัญถ้าท่านได้จารอักขระความถูกต้องได้เต็มถึง 7 ครั้ง ว่ากันว่าตัวเขียนความถูกต้องจะฝังดินลึกถึงโครงกระดูกและถ้าปฏิบัติปฏิบัติตามคำสั่งของครูอย่างขึงขังแล้ว จะอยู่ยงคงอยู่ ต่อศาสตราวุธตลอด

หลวงปู่คำบุ จารอักขระ


วัตถุมงคล หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภูนั้นมีอยู่มากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เหรียญเสมา รุ่นเจริญพระ สดุ้งกลับ แมวรับทรัพย์ ผ้ายันต์ เป็นต้น

วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555

หลวงพ่อมาลัย อุทโย

จังหวัดสมุทรสาครภาราแผ่นดินกอบด้วยห้วงน้ำแบ่งระหว่างกลางระหว่างมหาชัยพร้อมทั้งท่าฉลอม หนึ่งในอาจารย์ชื่อดังนั้นคือ "หลวงพ่อมาลัย อุทโย" หรือ "พระครูอุทัยธรรมสาคร" พระเกจิโด่งดังแห่งหนบริเวณที่ลุ่มท่าจีน หัวหน้าคณะสงฆ์ตำบลท่าฉลอม และเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก สมุทรสาคร

หลวงพ่อมาลัย เป็นภิกษุที่จัดการเจริญประพฤติดีได้รับการยกย่องเป็นพระอาจารย์ชั้นชั้นเลิศ จัดประดิษฐ์ของขลังรูปบูชาที่มีคุณพระพุทธเจ้าด้านคงกระพัน เมตตามหานิยมกับปราศจากหลายต่อหลายรุ่นมาแล้วไป ปูชนียวัตถุหลวงพ่อมาลัย ที่เป็นที่เลื่องลือกันมาก คือ สมเด็จไผ่ หลวงพ่อมาลัย และตะกรุดผงว่าน ใบลาน หรือที่รู้จักกันดีคือ "ตะกรุดตี๋ใหญ่ หลวงพ่อมาลัย" ที่ทำให้หลวงพ่อมาลัยมีศิษยานุศิษย์นานัปการ

หลวงพ่อมาลัย

หลวงพ่อมาลัย จัดสร้างรูปบูชาตามช่องทางปะปนกัน ส่วนมากได้แบบอย่างอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น พระสมเด็จไผ่ รุ่นเปิดกรุ ปี 2526,  พระสมเด็จนางพญา, ตราปั๊มตามรุ่นต่างๆ รูปเหมือนลอยองค์ หรือกระทั่ง พระกริ่ง ล้วนคุณพระพุทธเจ้าสะดุดตาทางด้านเอื้ออาทร ปราศจากสถิร บุญวาสนา