วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ครูบาออ ปณฺฑิโต สำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะ

เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ครูบาออ ปัณฑิโต สำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ครูบา ผู้เฒ่าขมังเวทย์ เจ้าอาคมชาวไทยใหญ่ อายุ 92 ปี ปลีกตัว เร้นกาย อยู่บนดอยสูงเพียงรูปเดียว

- ครูบาออ รูปนี้ แม้วัยชรา ก็มีวิชาดี มีบารมีมาก ท่านแบกกลด ธุดงค์จากฝั่งไทยใหญ่ พม่า มาดอยจอมแวะ เพียงรูปเดียว ค่ำไหนนอนนั่น ถ้ำลึกลับ ป่าช้ารก เป็นที่อาศัย ผจญภูตผีปีศาจ เจ้าป่าเจ้าเขา ผ่านมาได้หมด

- เจ้าฟ้าแสงเชียง เจ้าแผ่นดินรัฐฉาน ไทยใหญ่ เป็นผู้สักสังวาลเพชร บนศีรษะท่านเมื่ออายุ 20 ปี เพราะโปรดที่ครูบาออ ตอนนั้นเป็นทหารกล้า นำพากองทัพไทยใหญ่รบชนะข้าศึกโดยไม่เสียกำลังพลแม้แต่คนเดียว

- ตอนบวช เจ้าปิ่นยา สังฆราชไทยใหญ่ บวชให้ เมื่อบวชแล้วท่านศึกษาอักขระ ตำราเลขยันต์ฉบับหอคำหลวง เจนจบพุทธาคม จนได้รับการวางตัว เป็นพระมหาเถระองค์ต่อไป

- ท่านขมังเวทย์ เรืองวิชาตั้งแต่เป็นเณร ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านถูกเกณฑ์เป็นทหารไทยใหญ่ รบกับพม่า กองร้อยของท่านทั้งกองร้อย รบไม่เคยแพ้ ไม่ตาย ไม่เจ็บ เพราะก่อนรบ ท่านทำน้ำมนต์ทั้ง สักกระหม่อมให้เพื่อนทหารสู้กับศัตรู ปรากฏว่า ปืนทหารพม่ายิงมาไม่ออกบ้าง ออกแต่ไม่ถูกบ้าง ลูกระเบิดตกใกล้ ๆ ไม่ระเบิดบ้าง แม้ตอนนี้ เจ้ายอดศึก ผู้นำไทยใหญ่ ก็เคารพนับถือท่านอย่างที่สุด

- เรื่องเล่าจากศิษย์กรุงเทพ ฯ ขึ้นดอยไปกราบครูบาออท่าน ขณะคุยอยู่เห็นเมฆฝนตั้งเค้าดำทมึน ก็จะรีบลาท่านกลับ เพราะขืนช้า ฝนตกหนัก ดินลื่น น้ำหลาก จะลงดอยไม่ได้ ท่านห้ามไม่ให้กลับ แล้วก็คว้าผ้าเช็ดปากเดินไปที่ลานดิน ท่านเอาผ้าเช็ดปาก โบกอากาศไปมาอยู่ 3-4 ครั้ง ปากก็ว่าคาถาขมุบขมิบ แล้วก็เดินกลับ !! อัศจรรย์!! เมฆฝนดำทมืน ค่อย ๆ จางหายไป กลับมีแสงอาทิตย์ส่องผ่านเมฆมาแทน ปรากฏว่า ดอยจอมแวะ ทั้งดอยฝนไม่ตก แต่ตกรอบอำเภอเชียงดาวแทน แบบไม่ลืมหูลืมตา

- เรื่องเล่าจากศิษย์เชียงใหม่ นักธุรกิจน้ำดื่ม ไม่เคยรู้จักท่านมาก่อนเลย ตอนกลางคืนหลับฝันว่าได้ขึ้นไปกราบพระชรา บนดอยสูง พระรูปนี้ ในฝันจำได้แม่น เพราะท่านสักยันต์รูปสี่เหลี่ยมสีทองไว้รอบศรีษะ ตื่นขึ้นมาก็เล่าความฝันให้ลูกน้องฟัง บังเอิญลูกน้องเป็นคนเชียงดาว ก็นึกถึงครูบาออ ว่าลักษณะตรงกับในฝัน เลยพากันขึ้นดอย ไปกราบท่าน เมื่อพบหน้าก็ต้องตะลึง ขนลุกทั้งตัว เพราะครูบาออ คือพระชราที่ตนฝันถึง เพราะจำใบหน้าเหี่ยวย่นได้ ที่สำคัญจำรอยสักยันต์สี่เหลี่ยมรอบศรีษะท่านได้แม่นยำ

- เรื่องเล่าจากหลานท่านเอง หลานท่านปลูกบ้านอยู่เชิงดอย สองวันบ้าง สามวันบ้าง จะขึ้นไปกราบท่านนำน้ำบ้าง อาหารแห้งบ้าง ไปถวาย มีช่วงหนึ่ง งานมาก เลยไม่ได้ขึ้นไปหาท่าน ตอนเช้าจะออกไปรับจ้าง พอเปิดประตูบ้าน ก็เห็นครูบาออ ในมือถือกาน้ำ ออกเดินนำหน้าอยู่ ก็นึกแปลกใจว่า ท่านลงจากดอยมาได้ยังไงกัน ทางก็ไกล ทั้งลาดชัน ขึ้นลงลำบาก สักครู่ ร่างท่านก็หายไป ก็เลยตัดสินใจไม่ไปรับจ้าง แต่นำน้ำดื่มขึ้นไปหาท่านแทน พอเจอหน้ากัน ท่านก็ทักเป็นภาษาไทยใหญ่ว่า “หายไปนาน น้ำดื่มหมดแล้ว กลัวว่าเดี๋ยวจะออกจากบ้านไปก่อน ก็เลยรีบมาเตือนให้นำน้ำดื่มขึ้นมาให้ด้วย” !?!

- เรื่องเล่าจากหลวงพี่นิ่ม พระสงฆ์รูปหนึ่ง ชอบฝากตนเป็นศิษย์หลวงปู่ หลวงพ่อต่าง ๆ และศึกษาทางจิตศาสตร์ สักยันต์ลงของได้ มีวิชาอาคมพอสมควร ได้ขึ้นไปกราบครูบาออ ขอเรียนวิชาด้วย ความที่อยู่บนดอยสูงภาคเหนือจึงฉันภัตตาหารแบบตามมีตามเกิด คือข้าวนึ่ง น้ำพริก ผักจิ้ม ยืนพื้น ครั้นอยู่นานเป็นสัปดาห์ก็เบื่ออาหารฉันได้น้อยลง ครูบาออ ท่านคงรู้อาการ เย็นวันหนึ่ง เห็นท่านเอากระป๋องพลาสติกเปล่า ๆ ไปแขวนไว้บนต้นไม้ พอตอนเช้ามาท่านบอกให้ไปดูที่กระป๋อง ก็เจอคราบน้ำ และพบปลาช่อนตัวเขื่องอยู่ในนั้น 1ตัว มีน้ำพอท่วมหลังปลา พอดีกับศิษย์ท่านขึ้นมากราบท่าน จึงนำปลาช่อนทำอาหารถวายพระพระนิ่มเล่าว่า วันนั้นฉันอาหารได้มากเป็นพิเศษ ที่อร่อยคือ เนื้อปลาช่อนที่ครูบาออ ดักด้วยกระป๋องเปล่าบนต้นไม้กลางดอยสูง น่าแปลก ปลาช่อนนา ขึ้นไปอยู่ในกระป๋องที่แขวนไว้บนต้นไม้ กลางดอยสูงได้อย่างไร

- เรื่องเล่าจากผู้เขียนเอง ตัวผู้เขียน จะบุกป่าขึ้นดอยไปกราบท่านครั้งแรก เพราะได้ยินเพื่อนบอกเล่าถึงความเก่งกล้าของท่านมานานแล้ว คืนก่อนวันขึ้นดอยได้อธิฐานกับท่านว่า หากท่านมีญาณวิถีรู้วาระจิตคน และจะได้มากราบเป็นศิษย์ท่านแล้ว ขอให้เอ่ยปากขอเกศาจากท่าน แล้วท่านมอบให้โดยดี เรื่องนี้ผู้เขียนอธิฐานในใจคนเดียว รู้เพียงคนเดียว พอวันรุ่งขึ้นนั่งรถขึ้นดอยจอมแวะกับเพื่อน ๆก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เราไปถึงดอยประมาณเกือบบ่ายโมง พอผู้เขียนกราบท่าน ท่านจ้องหน้าผู้เขียนอยู่นาน แล้วท่านเดินหายเข้าไปห้องข้างใน กลับมาพร้อมกับถุงพลาสติก แล้วท่านก็ยื่นถุงนั้นให้ผู้เขียน พูดเป็นภาษาไทยใหญ่ แปลได้ว่า “ เตรียมไว้ให้แล้ว ” พอผู้เขียนเปิดถุงดู กลายเป็นเส้นเกศาของท่านเต็มไปหมด ผู้เขียนถึงกับขนลุกซู่ !!นี่ท่านล่วงรู้ใจของผู้เขียนได้อย่างไร ?? หรือท่านจะทรงอภิญญาญาณจริงดั่งคำเขาเล่าลือกัน สอบถามหลานท่านได้ความว่า ตอนเช้ามืด ท่านเรียกหาให้หลานท่านโกนผมให้หน่อย บอกเพียงว่า “มีคนจะขอ ต้องเตรียมไว้ให้เขา เขาจะมาช่วยสร้างถนนขึ้นพระธาตุ”



เนื่องจากสำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะที่ครูบาออ อยู่จำพรรษานั้น เป็นดอยสูง ไม่มีถนน ทั้งทางขึ้นดอยก็ลาดชัน รถยนต์ ไม่สามารถขึ้นไปได้ สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งไฟฟ้า และน้ำประปาก็ไม่มี อาศัยเพียงน้ำฝน และแผงเซลล์รับแสงอาทิตย์ ศิษย์จะขึ้นไปกราบท่านต้องนำน้ำดื่มไปถวายเป็นขวดๆ ทั้งสำนักสงฆ์ก็ยังขาดเสนาสนะอีกมาก จึงกราบเรียนเชิญนักนิยมพระเครื่องดี เกจิดัง วัตถุมงคลขลัง ร่วมทำบุญสร้างทางขึ้นดอย กับหลวงปู่ครูบาออ ปณฑิโต วัดพระธาตุดอยจอมแวะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

อานิสงค์ สร้างทางขึ้นดอยสู่องค์พระธาตุ เหมือนสร้างทางขึ้นสวรรค์ สร้างวิมาน สร้างบารมีใหญ่ เดินทางปลอดภัย ขึ้นเหนือได้โชค ลงใต้ได้ลาภ เป็นมหาเศรษฐีในเร็ววัน เป็นใหญ่เหนือคน ไม่จน ไม่เจ็บ ตายไปเกิดบนสวรรค์ชั้นฟ้า ลงมาเป็นมนุษย์ จะถึงพร้อมด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ มหาศาล มีอานิสงค์เหลือคณานัป ท่านร่วมบุญสร้างทาง ครูบาออ มีวัตถุมงคลมอบให้เป็นที่ระลึก ซื้อไม่ขาย ขอให้ทำบุญ ร่วมทำบุญได้ที่ www.AmuletAt7.com/ครูบาออ

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

หลวงพ่อจอน วฑฺฒจิตฺโต วัดบุญฤทธิ์

หลวงพ่อจอนท่านเชี่ยวชาญเรื่องวิชาเทพราหู ในดินแดนถิ่นอิสานเมืองหมอแคนไม่มีใครเปรียบได้ ท่านได้เรียนมาจากขอมลาวบรมครู ใช้แก้ดวงลูกศิษย์มาถึงหกสิบปีซึ่งบ่งบอกและพิสูจน์ได้ว่าท่านเก่งจริง ท่านดังมาได้เพราะท่านสำเร็จวิชาเทพราหูที่ดั้นด้นไปเรียนวิชาดั้งเดิมถึงเมืองเวียงจันทร์ประเทศลาว เมื่อสืบค้นเทียบเคียงตำราแล้วเป็นตำราเดียวกันกับที่โยมพ่อหลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง สอนให้หลวงพ่อน้อยไม่มีผิดเพี้ยน นั่นหมายความว่าท่านได้เรียนมาจากต้นวงศ์สายบรมครูเดิมของวิชานี้เลย จึงไม่แปลกใจว่าบรรดาพ่อค้าประชาชน ข้าราชการ ทหาร−ตำรวจ นักการเมือง มุ่งหน้าเข้าวัดบุญฤทธิ์ให้ท่านทำวิชาราหูให้ ราหูที่ท่านสร้างแต่ละรุ่น หายากและมีราคาค่านิยมสูงมาก ท่านได้ธุดงค์ไปเรียนวิชาจากหลายสำนักอาทิ สายสมเด็จลุน ประเทศลาว,หลวงพ่อตะเบง ประเทศพม่า, หลวงพ่อจันภูมิ พระเกจิชาวเมืองพระตะบอง ประเทศกัมพูชา, หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน, พ่อครูหลวงปู่ใหญ่, ปู่ฤาษีตาไฟ, ท่านพ่อปู่มิ่งตาทิพย์ เมืองเสียมราช ประเทศเขมร สายบรมครูปู่เทพโลกอุดร พระกายสิทธิ์ที่อุดมไปด้วยอิทธิฤทธิ์ ซึ่งยากที่จะหาใครที่อดทนบำเพ็ญเพียรร่ำเรียนจนสำเร็จ

หลวงพ่อจอนท่านเคยเดินธุดงค์เข้าไปในป่าห้วยขาแข้งซึ่งเป็นป่าที่ห้ามคนนอกเข้าไปโดยเด็ดขาดในสมัยนั้น หลวงพ่อจอนท่านเล่าว่า มีแต่สัตว์ดุร้ายทั้งนั้น มีทั้งเสือ สิงโต หมี เดินกันเหมือนในสวนสัตว์ แต่ก็ไม่ทำอะไรท่านมีเพียงแต่มองผ่านไป ครั้นถึงเวลามืดก็จะปักกรดท่านก็เลือกที่มีบริเวณแอ่งน้ำ แต่หารู้ไม่นั่นเป็นแหล่งรวมสัตว์ต่างๆ จะลงมากินน้ำในเวลากลางคืน ท่านบอกว่าพวกสัตว์จะเดินรอบกรดท่านตลอดแต่ก็ไม่ทำอะไร เมื่อตกดึกบรรดาพวกสัตว์ต่างๆ ก็พากันแยกย้ายกันออกไป ท่านจึงเจริญกรรมฐานนั่งสมาธิ เห็นดวงวิญญาณที่เร่ร่อนอยู่มากมาย บางตนก็มาขอท่านก็กรวดน้ำให้แล้วก็ไป บางตนมาแบบนักเลง เขย่ากรดจนสั่นไหว แต่ท่านก็นิ่งจนเห็นว่าไม่ยอมรับส่วนบุญแน่แล้ว ท่านจึงเด็ดต้นหญ้าแล้วบริกรรมคาถาเทพราหูบันดาลฤทธิ์ เสร็จแล้วก็ปล่อยให้ออกไปจากกรด ท่านบอกว่าวิญญาณพวกนั้นหายไปแบบไม่เหลือเลย ท่านจึงมั่นใจว่าวิชาที่เล่าเรียนมาใช้ได้ผล ในสมัยก่อนแถบผืนป่าดงพญาเย็นเป็นอะไรที่ไม่มีใครอยากมา ซึ่งเป็นป่าดงดิบอันตรายจากสัตว์ร้ายนาๆ ชนิด อากาศเย็นมาก ผีสางนางไม้ดุ ผีปอบนี่เป็นที่หนึ่งเลยในสมัยนั้น แต่ก็ใช้คาถาเทพราหูบันดาลฤทธิ์สงเคราะห์ทุกคนจนมาถึงทุกวันนี้



เทพราหู หลวงพ่อจอน แก้ดวงชง ปี ๕๖ สำหรับในปี พ.ศ.๒๕๕๖ ที่จะมาถึงนี้ซึ่งตรงกับปีมะเส็ง (งูเล็ก) ตามหลักศาสตร์จีนโบราณหรือโหราศาสตร์ไทยก็ดี ดวงที่ชงกับปีมะเส็งได้แก่ ผู้ที่เกิดปีกุน ปีมะเส็ง ปีขาล ปีวอก ถือว่าเป็นที่ไม่ดีใน พ.ศ.๒๕๕๖ ถ้าปีไหนเป็นปีที่ดวงชงถือว่าไม่เป็นมงคลกับชีวิต อาจจะเจ็บไข้ได้ป่วย การงานไม่ราบรื่น ธุรกิจขาดทุนเสียหาย ทะเลาะกับคนรอบข้าง ความรักแตกหักกลางคัน หรือมีเหตุร้ายต่างๆ เกิดขึ้นอาจถึงชีวิตก็เคยมีมา ตามตำราศาสตร์จีนโบราณให้ไปไหว้ องค์ไท่ส่วย แล้วจะดีเอง ในโหราศาสตร์ไทยให้บูชาองค์เทพราหู เพื่อเป็นการคุ้มดวงให้พ้นจากโรคภัยไข้เจ็บ คุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัย และเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน รวมถึงทรัพย์สินเงินทองที่แสวงหาอยู่หรือมีอยู่แล้ว ซึ่งตามพุทธสุภาษิตว่า ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ หรือจะแก้ด้วยวิธีเครื่องเซ่นของดำแปดอย่างสิบสองอย่าง หรือทำบุญสะเดาะห์เคราะห์ตามความเชื่อในแต่ละประเพณี เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ แม้ไม่เชื่อแต่ก็ไม่ลบหลู่ หนึ่งชีวิตมีค่ามหาศาล กันไว้ดีกว่าแก้ ขืนปล่อยให้แย่ อาจจะไม่มีโอกาสแก้ก็ได้ เพื่อความปลอดภัยในการดำเนินชีวิตของทุกท่าน

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

หลวงพ่อชู วัดทัพชุมพล นครสวรรค์

หลวงพ่อชู เตชธัมโม วัดทัพชุมพล อ.เมือง นครสวรรค์ พระขลัง เสกของแรง ประสบการณ์สูง เหรียญนารายณ์ปราบจักรวาล รุ่นแรก ดังกระหึ่มในวงการพระเครื่องขณะนี้ ตำรวจสายปราบปราม หากันให้ควัก ก็ มีด ปืน ไม้คมแฝกไม่ได้กินเลือด และอีกหลายร้อยประสบการณ์จริง ..ยืนยันหนักแน่น จะไม่ให้หลวงพ่อเสกพระเก่ง เสกพระขลังได้อย่างไร ก็ท่านเรียนมาจากครูผู้เรืองเวทย์ชั้นสูง ถึง 12 สาย ดังนี้
  1. สายหลวงพ่อทอง วัดราชโยธา เรียนจาก พ่อเขียน ไกรทองสุข 
  2. สายหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง เรียนจาก พระสมุห์ชาลี วัดวังยาว ปราณบุรี 
  3. สายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เรียนจาก ครูทัน รุจิเรส (ตำรา อ.ประสงค์ ลงทองทั้งตัว กระโหลกทอง) 
  4. เรียนจาก อาจารย์ใบ ทับทอง สายวัดสมรโกฎิ 
  5. เรียนจาก อาจารย์ประยูร จิตโสภี สายอาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง 
  6. เรียนจาก อาจารย์ชุม ไชยคีรี สายเขาอ้อ 
  7. เรียนจาก อาจารย์หมอริ ภู่โพธิ์ สายหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์
  8. เรียนจาก อาจารย์ฐาปนา บุญป่อง สายวัดสามวิหาร อยุธยา 
  9. เรียนจาก หลวงปู่รอด วัดสันติกาวาส พิษณุโลก 
  10. เรียนจากครูหมุด ผ่องศรี สายราชสำนักกำพูชา 
  11. เรียนสักยันต์จาก หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จันทบุรี 
  12. เรียนจากหลวงพ่อเคน วัดห้วยเจียว พิษณุโลก
นี่แค่เพียงครูอาจารย์ที่มีชีวิต สืบค้นได้ ยังเพียงนี้ ส่วนครูเทพ ครูพรหม ครูยม ครูยักษ์ ครูพระฤาษี นั้น ท่านเรียนมาโชกโชนกว่านี้มาก ถึงได้กล้ารับประกันว่า พระเครื่องของท่าน เป็นประเภท ของจริง ลองได้ พลังสูง ประสบการณ์เพียบ (ใช้ของใครไม่ได้ผล อย่าท้อ ลองของขลังหลวงพ่อชูดู จะรู้ว่า ..นี่ของจริง...)

เจ้าตำหรับ เสก สัก สับ จับ ดิ้น อยากได้ของดี อยากมีของแรง ห้ามพลาด !!!

สัก คือหลวงพ่อชู เป็นพระอาจารย์สักยันต์มาก่อน ศิษย์สักยันต์ของท่าน ตั้งแต่รุ่นแรก ยันรุ่นนมแตกพาน หนังเหนียวยังกลองเพล แมงวันไม่ได้ตอมเลือด หนักหนาสาหัส ก็แค่เลือดซึมเป็นยางบอน

สับ คือ สักยันต์เสร็จ ต้องสับ ฟันด้วยมีดดาบคมกริบ ลองเสียให้รู้ว่าขลัง พอจะคุ้มตัวศิษย์ได้ไหม ถ้าไม่ดี ฟันเข้า ยิงออก ก็จะเผาตำราทิ้ง รื้อหิ้งบูชาเก็บ /สับมาเป็นพัน ฟันมาเป็นร้อย ไม่เข้า ไม่ระคายผิว จะว่ามีดไม่คมก็ไม่ใช่ เพราะฟันด้วยสปาต้า และมีดดาบซามูไร (เดี๋ยวนี้ไม่ลองแล้ว เพราะวิชาหลวงพ่อเหนือขั้นนั้นไปแล้ว)

จับ ดิ้น คือ ใครมีของ มีองค์ มาอยู่ตรงหน้าหลวงพ่อชู เป็นแสดงตัวหมด ปิดบังอำพรางไม่ได้ บางคนรำป้อ บางคนเป็นคนแก่ ต้องก้มกราบท่าน บางคนเป็นร่างทรงฤาษีมีฤทธิ์มาก เห็นหน้าหลวงพ่อชู หัวเราะเป็นคนแก่ ร้องถาม “จำได้ไหม นี่เพื่อนกัน” คุยกันสนุก บางคนโดนของต่ำ คุณคน คุณไสย ใส่มานานแสนนาน หาหมอแก้หลายหมอ หมดหมอ หมดเงินไปมาก ก็แก้ไม่หาย มาอยู่ต่อหน้าหลวงพ่อชู ถ้าเป็นผู้ชาย ท่านจะจับมือ ถ้าเป็นผู้หญิง ท่านจะจับเครื่องใช้ ไม้สอย เช่นกระเป๋าถือ คนไข้จะดิ้น ของจะเสื่อมทันที บางคนโดนน้ำมันพรายผี นั่งอยู่ดี ๆ น้ำมันผุดจากปลายมือ ออกเฉยเลย

เสก คือ หลวงพ่อชู เสกพระเก่ง เสกของเป็น พระเครื่องของท่านมีจิต มีวิญญาณ (โบราณว่าอักขระเต็นได้ มีหัวใจ มีธาตุ มีขันธ์ )ขอได้ บนได้ มีพลังทิพย์ พลังเทพ สำผัสได้ บูชาเรื่อย ๆ กลับมีพุทธคุณเพิ่มมากขึ้น ใครจับพลังได้ ลองดู ใครสำผัสเทพได้ ลองดู ใครอยากได้ของจริง ของแท้ แน่ต่อการพิสูจน์ ลองดู ...

ฤาษีครูเพชรฉลูกรรณ์ (ปางเสมอเถร) ขนาดบูชา รุ่นแรก รุ่นไหว้ครู 55

วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน

วัตถุมงคล หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน ที่จัดสร้างขึ้นนั้น ล้วนแต่ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก เนื่องจากมีพุทธคุณครอบจักรวาล โดดเด่นในหลากหลายด้าน ที่เสาะหากันอยู่ขณะนี้ ได้แก่ เหรียญใบเสมา รุ่นเหรียญบิน ปี 2513, เหรียญบาตรน้ำมนต์, พระกริ่งบาเก็ง, สมเด็จยันต์พระเจ้า 5 พระองค์ เป็นต้น วัตถุมงคลหลวงพ่อทรง มีพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาดคงกระพันชาตรี บังเกิดแก่บรรดาสาธุชน จนได้รับสมญานามจากคณะศิษยานุศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำน้อย” ท่านย้ำอยู่เสมอว่า “วัตถุมงคลทั้งหลายล้วนเข้มแข็งด้วยอำนาจแห่งพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ” รวมทั้ง ท่านจะกล่าวสอนอยู่เสมอว่า “การทำจิตใจให้สงบ รู้จักปล่อยวางในสิ่งต่างๆ อย่าไปยึดติดกับสิ่งต่างๆ มากเกินไป หมั่นสวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิระลึกถึงปฏิบัติในพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะคำสั่งสอนของท่านเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด หาคำสอนใดมาเปรียบเทียบมิได้เลยทีเดียว และการที่เราเกิดมาพบพระพุทธศาสนาเป็นอะไรที่ประเสริฐที่สุดแล้วในชาตินี้



หลวงพ่อทรง พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดศาลาดิน (วัดมอญ) ได้รับการยกย่องว่าเป็นเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้า เป็นที่เลื่องลือไปทั่วภาคกลาง แต่การเข้ากราบไหว้ขอพรจากท่าน มิใช่เรื่องยากเย็น ทุกคนมีโอกาสเสมอเหมือนกันหมด ไม่มีผู้ใดกีดกัน ท่านมักจะนำวิชาความรู้ด้านวิทยาคมเป็นกุศโลบายในการอบรมสั่งสอนศีลธรรมแก่ประชาชนทั่วไป ให้ยึดหลักธรรมคำสั่งสอนตามแนวทางพระพุทธศาสนา เป็นวิถีสำคัญในการประพฤติปฏิบัติตน ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ถ้ามีพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลที่ไหน จะต้องเห็นหลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน นั่งปรกปลุกเสกกับพระเกจิอาจารย์ร่วมสมัย ความเป็นเอกอุด้านไสยเวทวิทยาคมไม่แตกต่างกัน

การมรณภาพของหลวงพ่อทรง ฉันทโสภี อย่างไรก็ดี ด้วยสังขาร คือ อนิจจัง เป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ครั้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ.2550 เวลาประมาณ 21.00 น. หลวงพ่อมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยหอบ หายใจขัด เนื่องจากมีกิจนิมนต์มาก เมื่อลูกศิษย์เห็นว่าอาการไม่ดี จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลวิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง แพทย์ได้ทำการรักษา แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ ในที่สุด เมื่อเวลา 22.50 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ.2550 ท่านได้ละสังขารจากไปอย่างสงบ ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ณ โรงพยาบาลวิเศษชัยชาญ หลังจากเข้ารับการรักษาอาการท่อปัสสาวะอักเสบ มาก่อนหน้านี้ หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน สิริอายุรวม 83 พรรษา 62 ท่ามกลางความเศร้าสลดและความอาลัยเป็นอย่างยิ่งของบรรดาคณะศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนทั่วไป หลวงพ่อทรง ท่านเป็นพระสงฆ์สุปฏิปันโนอย่างแท้จริง แต่ด้วยสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้ ท่านได้ละสังขารตามกฎไตรลักษณ์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ถือว่าวงการสงฆ์ต้องสูญเสียพระเถระรูปสำคัญ ผู้บำเพ็ญคุณูปการต่อชาวเมืองอ่างทอง ด้วยความอุตสาหวิริยะมาอย่างยาวนาน เหลือทิ้งไว้แต่ผลงานอันทรงคุณค่าที่อุทิศให้แด่พระพุทธศาสนา เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำไว้เบื้องหลัง ทั้งนี้ ทางคณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์ได้จัดงานบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม และตั้งศพให้ญาติโยมและพุทธศาสนิกชนทั่วไปได้กราบไหว้ เป็นเวลา 7 วัน ณ วัดศาลาดิน (วัดมอญ) จนกว่าจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพต่อไป


กำหนดการพระราชทานเพลิงศพของพระครูสุภัทรธรรมโสภณ (หลวงพ่อทรง ฉันทโสภี) อดีตเจ้าคณะตำบลม่วงเตี้ย และอดีตเจ้าอาวาสวัดศาลาดิน (วัดมอญ) จ.อ่างทอง ตรงกับวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2552

ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด หน้า 1 คอลัมน์ มงคลข่าวสด วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 5988

วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

หลวงพ่อเสน่ห์ วัดพันสี

เอ่ยนาม พระครูอุปกิตสารคุณ หรือ "หลวงพ่อเสน่ห์" วัดพันสี ต.ท่าโพ อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี ลูกศิษย์ต่างรู้จักกันดีว่า ท่านมีจริยาวัตร นุ่มนวล เหมาะสมกับพุทธบุตร ท่านมีบุคลิกที่เรียบง่าย แต่เชี่ยวชาญทางด้านวิชาอาคมต่างๆ วัตถุมงคลทุกรุ่นกำลังได้รับความนิยมจากนักสะสม พิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลรุ่นสำคัญ ๆ หลังปี 2525 ต้องมีท่านร่วมปลุกเสกด้วยเสมอ

หลวงพ่อเสน่ห์ วัดพันสี


สมัยก่อนสุดยอดพระเกจิอาจารย์ปลุกเสกเก่งต้องมีชื่อ หลวงพ่อแพ จ.สิงห์บุรี, หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย, หลวงพ่อไวย์ วัดบรมฯ, หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า , หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ, หลวงพ่อดี วัดพระรูป และหลวงพ่อเสน่ห์ วัดพันสี เป็นต้น

"หลวงพ่อเสน่ห์ วัดพันสี" ปีนี้ (พ.ศ.2555 ) สิริอายุเข้าวัยชรา 82 ปีแล้ว ท่านบวชตั้งแต่ปี 2496 นับเนื่องถึงปัจจุบัน 59 พรรษา ท่านบวชกับหลวงพ่อชิต วัดยางขาว ที่สืบสายวิชาหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว เป็นพระคู่สวด

นอกจากนั้นยังเป็นศิษย์หลวงปู่สี เขาบุญนาค พระอรหันต์ 7 แผ่นดิน เรียนสายหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ จากหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว ซึ่งสร้างเหรียญรุ่นแรกก็ดังกระหึ่ม เมื่อปี 2520 เกิดปาฏิหาริย์ควายขวิดไม่เข้า เหรียญนั้นจึงเรียกว่า "เหรียญควายขวิด" ตั้งแต่นั้นมา หลวงพ่อเสน่ห์ท่านเป็นพระใจดีมีเมตตามาก เป็นที่พึ่งของทุกคน

ตอน ที่ "หลวงปู่สี ถ้ำเขาบุญนาค" ยังดำรงขันธ์อยู่ ท่านเคยทำนายไว้ล่วงหน้าว่า อาจารย์เสน่ห์บารมีมาก จะดังตอนแก่ ยิ่งนานวันแสงแห่งศรัทธา ความชัดเจนแจ่มใสในพุทธาคมที่แก่กล้า สั่งสมมานาน ปรากฏชัดเจนในหลวงพ่อเสน่ห์ วัดพันสี แห่งเมืองอุทัยธานีแล้ว

วัตถุมงคลของหลวงพ่อเสน่ห์มีประสบการณ์ด้านแคล้วคลาดเล่าขานกันปากต่อปาก เมื่อ ส.อ.เกรียงศักดิ์ สร้อยระย้าแก้ว ค่ายจิรประวัติ ปฏิบัติหน้าที่ชุดคุ้มครองครู โดนวางระเบิดทั้งรถ มีทหาร 7 นาย แรงระเบิดทำให้มีสะเก็ดติดตามตัว เสื้อผ้าขาด แต่ทั้ง 7 นายรอดได้อย่างปาฏิหาริย์ ทั้ง 7 มีตะกรุด และยันต์หมวก ที่หลวงพ่อเสน่ห์ แห่งวัดพันสี ลงให้ทั้งสิ้น

อีกเหตุการณ์หนึ่ง เมื่อ ส.อบต.ท่าโพธิ์ เกิดอุบัติเหตุรถชนพังยับ ส.อบต.คลานออกมาจากรถ ไม่เป็นอะไรเลย รถพังขนาดชาวบ้านนึกว่าผี หรือวิญญาณ ลอยออกมาได้ ในตัวพกตะกรุดของหลวงพ่อเสน่ห์ดอกเดียวเท่านั้น


ล่าสุดหลวงพ่อเสน่ห์ได้อนุญาตให้คณะศิษย์ได้จัดสร้าง "เหรียญเสน่ห์ดี มีสตางค์" และวัตถุมงคลอื่น ๆ ขึ้นเพื่อฉลองตำแหน่งเจ้าคณะตำบลชั้นเอก และฉลองอายุ หลวงพ่อครบ 82 ปี โดยทำพิธีอธิฐานจิตปลุกเสกเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555 โดยวัตถุมงคลทั้งหมด มีพุทธคุณสูง สมดั่งคำพยากรณ์ ของหลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาคที่ว่า “ท่านเสน่ห์ มีบารมีมาก จะดังตอนแก่

วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เศรษฐีนวโกฏิ หลวงปู่ผล วัดอินทาราม

พระเถราจารย์แห่งเมืองกรุงเก่า นาม หลวงปู่ผล อินฺทกุสโร วัดอินทาราม สุดยอด พุทธาคม ด้านเมตตา มหาลาภ ทำมาค้าคล่อง เสริมสิริ มงคล หลวงปู่ผลเป็นศิษย์หลวงพ่อคง วัดอินทาราม พระอภิญญาจารย์ผู้ เสกตะกร้อเข้าขวดนํ้า ซึ่งแม้แต่หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ยังยกย่องทั้งยัง เรียนวิชาเมตตามหานิยม การครอบเศียรพระ เศียรครูจากหลวงปู่เกลี้ยง วัด ตะกู เจ้าตำรับวิชาสาลิกา กอไผ่แตก เรื่องเมตตาค้าขาย และมหาโภคทรัพย์ จึงแรงไม่เป็นรองใคร

หลวงปู่ผล เมตตาจัดสร้างพระเศรษฐีนวโกฏิ ปางเสกบาตร รุ่นแรกขึ้น ในราชาฤกษ์ และธนฤกษ์ โดยอัญเชิญบารมีของมหาเศรษฐีทั้ง 9 ท่าน ในสมัย พุทธกาล มาสถิตในองค์พระ (มหาเศรษฐีแต่ละท่านผูกแทนหนึ่งหน้าพระพุทธรวม 9 ท่าน 9 หน้าพระพุทธ เป็นเคล็ดว่าบูชา พระเก้าหน้า ย่อมจะก้าวหน้า เจริญต่อไป ไม่หยุดยั้ง) พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ปางเสก บาตร เรียกทรัพย์ บูชาที่บ้าน ที่บริษัท รวยทั้ง บ้าน รวยทั้งบริษัท รวยใหญ่ แก้เคล็ดแก้ดวง ชง เกิดประสบการณ์กันมาก เป็นที่ต้องการ ดังไปไกลถึงต่างประเทศ ในเรื่องเมตตา ค้าขายดีจนเป็นที่กล่าวขานหลายคนบูชาไม่ นาน มีหน้าที่การงานดี ชีวิตดีขึ้น ค้าขายดี มีเงินทองเหลือกินเหลือเก็บมากมาย

เศรษฐีนวโกฏิ  เนื้อสัมฤทธิ์ ชุบเงิน หลวงปู่ผล วันอินทาราม

พระมหาเศรษฐีนวโกฏิปางเสกบาตร จึงเป็นพระที่ทรงคุณค่า และศักดิ์สิทธิ์มาก มีพุทธคุณหนนุ นำ การค้าขาย กิจการก้าวหน้าไม่อดไม่อยาก ไม่ยากไม่จน เหนือคน โภคทรัพย์เพิ่มพูนเหมาะ ที่จะตั้งบูชาประจำบ้าน บริษัท หรือบ้านเรือน เพื่อความงอกงามไพบูลย์ของ กิจการ

พระเศรษฐีนวโกฏิปางเสกบาตร หลวงปู่ผล นี้ชาวบ้านเรียกว่า่ พระเก้าหน้า้ มีติดตัว บูชาแล้ว จะเจริญก้าวหน้าสมดังชื่อพระเป็นเอกด้านโภคทรัพย์ ความอุดม สมบูรณ์ทำมาหากินขึ้นรํ่ารวย เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี เสมอกับมหาเศรษฐี ทั้ง 9 ท่าน ผู้อุปถัมภ์พระพุทธเจ้าในสมัยพุทธกาลคือ

  1. ท่านธนัญชัยเศรษฐี มีบุญมาก แม้เอาตุ่มเปล่าไปตั้งไว้หน้าคฤหาสน์ เทวดายังใส่แก้วแหวน เงินทอง จนเต็มตุ่ม 
  2. ท่านยัสสะเศรษฐี มีเงินทองมากมาย และมียศสูง ได้เป็นขุนคลังของพระมหาจักรพรรดิถึง 3 พระองค์ และได้เคยอุปัฏฐากพระพุทธเจ้าถึง 3 พระองค์ด้วยกัน ท่า่นสุมังคะเศรษฐี เมื่อกำเนิดมี ขุมทอง ขุมเพชร ขุมทรัพย์สินมีค่า เกิดขึ้นตามมาด้วยในอดีตชาติที่เกิดมาไม่เคยได้ยินคำว่า “ไม่มี” เลย 
  3. ท่านชะฎิสัสสะเศรษฐี แม้นำทรัพย์ไปบริจาคทานนานถึง 3 ปีเต็ม ทรัพย์ไม่พร่องเลย เพราะเทวดามาช่วยให้ทรัพย์เพิ่มพูนตลอดเวลา 
  4. ท่านอนาถะปิณฑิกะเศรษฐี นอกจากมีเงินทองมากมายแล้วยังพระอริยบุคคลหลุดพ้นจากบ่วงกิเลศอีกด้วย เรียกว่าเศรษฐีใจบุญ 
  5. ท่านเมณทะกะเศรษฐี ผู้ตั้งโรงทานไว้ 8 ทิศ เลี้ยงดูผู้คนนับแสนๆคน 
  6. ท่านโชติกะเศรษฐี ทรัพย์สินมีมากมาย มีแก้วไพฑูรย์วิเศษ บันดลเงินทองให้เพิ่มพูนอยู่เสมอ 
  7. ท่านสุมะนะเศรษฐี ครั้งหนึ่งโจรมาขโมยแก้วแหวนเงินของ
  8. ท่านทรัพย์ที่โจรแบกไปกลับเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ จนโจรแบกไม่ไหว ทรัพย์ทับตาย ณ กลางป่า 
  9. ท่านวิสาขะมหาอุบาสิกา เป็นมหาเศรษฐีผู้มีทรัพย์มาก ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นผู้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้า และพระสาวก บั้นปลายชีวิตได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
หลวงปู่ผลได้สร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ปางเสกบาตร ขึ้นเพื่อหวัง อานิสงส์ดลบันดาล ให้ผู้บูชาบังเกิดความอุดมสมบูรณ์ในทรัพย์สินเงินทอง ดุจท่านธนัญชัยเศรษฐี ให้โภคทรัพย์น้อยใหญ่จากทั่วสารทิศ จงหลั่งไหลมา สู่ผู้บูชา ดุจท่านสุมะนะเศรษฐี ให้บ้านเรือนร้านค้า ห้างร้าน บริษัท ร่มเย็น เป็นสุขและเจริญก้าวหน้า มีลูกค้าแวะเวียนมาซื้ออยู่ประจำเงินทองเข้ามามิได้ ขาด ดุจท่านชะฏิสัสสะเศรษฐี บังเกิดลาภสักการะทุกเช้าคํ่ามิให้ขาด ให้ทรัพย์ สมบัติเพิ่มพูนทวีมิได้ลดทอน ดุจท่านเมณทะกะเศรษฐี ให้มั่งมีทรัพย์สมบัติ แล้วใจบุญสุนทานมีข้าทาสบริวารที่ภักดี ดุจท่านอนาถะปิณฑิกะเศรษฐี ให้ มั่งมีแก้วแหวนเพชรอันวิเศษ ดุจท่านโชติกะเศรษฐี ให้ครองทรัพย์สินเงินทองได้ นานชั่วนิรันดร์ ปลอดภัยจากโจรภัยทั้งปวง ดุจท่านสุมังคะเศรษฐี ให้มีรูปโฉม งดงามสง่าราศีแจ่มใส เย็นตา น่าดู น่าชม น่านิยมรักใคร่ ดุจท่านวิสาขะมหา อุบาสิกา ให้ท่านสมบูรณ์ด้วยโภคาหาร แวดล้อมด้วยบริวารทั้งปวง

วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เหรียญโหงวเฮ้ง หลวงปู่เจ้าคุณเจือ

พระเดชพระคุณหลวงปู่เจือ ท่านมีวิชาปลุกให้ พลังแห่งภูเขาทั้ง 5 วังทั้ง 3 มีฤทธิ์ช่วยเสริมส่งให้ ท่านที่ใช้เหรียญนี้มีกำลังมาก สดใส สดชื่น เพื่อจะได้รับผลแห่ง ความสำเร็จทุกอย่าง เหนือดวงชะตาราศี บุตรหลานบริวารก็ให้คุณ ว่านอนสอนง่าย ทำกิจการทุกอย่างก็สำเร็จสมหวัง สมปรารถนา ครอบครัวก็เป็นสุข รุ่งเรืองทั้งเรื่องการงาน ค้าขาย มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น เป็นเศรษฐี ร่ำรวยได้โดยง่าย หลวงปู่ได้ลงยันต์ “โหงวเฮ้ง” ล้อมด้วยยันต์ มงกุฎพระเจ้า มงคลคุ้มกะลาหัวทั่วตัวไม่ตกต่ำ ฤทธิ์อานุภาพสูง ปกเกล้าคุ้มหัวรักษาเราวันยังค่ำ

หลวงปู่เจ้าคุณเจือเสกเหรียญ “โหงวเฮ้ง วาสนาดี มีเงินล้นหลาม ราศีเจริญรุ่งเรือง” ยามนี้ ต้องใช้แรงพลังพุทธคุณช่วย เสริมราศีดวงหน้าตัวเรา ขาด เกิด อะไร เหรียญโหงวเฮ้ง จะช่วยให้สมบูรณ์ขึ้น เหรียญนี้จะช่วยปรับช่วยแก้ โหงวเฮ้งของผู้ใช้ ให้ดีวัน ดีคืน เหรียญโหงวเฮ้ง รุ่นแรกที่สร้างจากวิชาโหงวเฮ้งจึงเป็นเหรียญแรกที่ใช้แล้วดี เสริมเติมปรับแก้ ปรุงแต่ง ให้เจ้าของเหรียญ ดีขึ้น ดีขึ้น ดีขึ้น จึงเป็นเหรียญแห่งความสำเร็จ สมหวัง ค้ำจุนดวงชะตา สง่าราศี

เหรียญโหงวเฮ้ง หลวงปู่เจ้าคุณเจือ เนื้อนวะ
เหรียญโหงวเฮ้ง หลวงปู่เจ้าคุณเจือ เนื้อนวะ
เหรียญโหงวเฮ้ง หลวงปู่เจ้าคุณเจือนี้ใช้ติดตัว ติดกระเป๋า ติดโต๊ะทำงาน ไม่ต้องห้อยติดตัวก็ช่วยเหลือได้ตลอดเวลาเช่นกัน

วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ชูชกยกฐานะ หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด

ค้นให้ลึก เวทย์วิทยาคม สายเขมรสูง บายน พนมบาเก็ง อยู่ที่หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด บุรีรัมย์ องค์นี้ เสกพระ เสกของ มีตัวตน ครบธาตุ ได้อาการ 32 สำผัสได้ เห็นด้วยตาเนื้อได้

ท่านยืนยันเอง “อีกหน่อย พระของเราจะเป็นเพชร” แปลว่าอะไร ??

ตอนยังไม่ดัง มีคนเอาพระของท่านไปให้หลวงปู่พรหมมา สวนหินผานางคอยจับพลัง “พระอีหยังว๊ะ เปิ้นจิตดี พลังแรงแท้น้อ” อีกครั้ง กับหลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย “พระที่เสกของได้แบบนี้ ยังมีอยู่อีกหรือ??”

“พวกมึงไม่ต้องมากราบกูถึงที่นี่ด๊อก ไปกราบหลวงพ่อใหญ่ วัดบ้านกรวดโน่น ท่านศักสิทธิ์แท้ ข้ามของดีมาซะแล้ว” หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ ไล่ชาวบ้านกรวด กลับไปหาหลวงปู่ผาด

หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด เก่งทุกอย่าง ตอนท่านเสกพระ ท่านเรียกเทวดาลงมาช่วยเต็มไปหมด” หลวงปู่หงส์ สุสานทุ่งมน หลายสิบปากยืนยันหนักแน่น หลายร้อยคนมีประสบการณ์ หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด อายุ 102 ปี พระดี บารมีสูง

ชูชกยกฐานะ หลวงปู่ผาด ฉลอง 102 ปี ครั้งแรก ในวงการพระเครื่องเมืองไทย แรงไม่เหมือนใคร รูปแบบแปลกตำราเขมรสูง ส่วยเก่า รวยก่อน หลวงปู่ผาด สั่งให้ทำชูชก ตอนกำลังร่ายมนต์ เรียกเงินร้อยกอง เรียกทองร้อยหาบ ทรัพย์สมบัติของชูชก ที่ขอเขามาได้ ได้เท่าไร แกยกให้เราหมดเลย ..ตำนานเก่าเล่าเรื่อง ชูชกเป็นพราหมณ์ขอทานชรา ต้องลักษณะอัปลักษณ์ 5 ประการคือ คอสั้น เท้าสั้น สันหลังสั้น นิ้วมือนิ้วเท้าสั้น และฝ่ามือฝ่าเท้าสั้น ลักษณะของชูชกนี้ตรงข้ามกับพระมหาบุรุษ โดยสิ้นเชิง เกิดกับใคร ย่อมให้โทษ ตามธรรมดา คนทั่วไปเกิดลักษณะอัปลักษณ์เพียง 1 ถึง 2 อย่างเท่านั้นก็แย่เต็มที แต่ชูชกแกมีครบถึง 5 อย่าง แทนที่จะร้าย กลับกลายเป็นดี จึงเป็นคนพิเศษ เป็นคนเข้าลักษณะยกเว้นโทษ 5 ประการ คือไม่มีคนโกรธ,มีแต่คนเมตตา ,ไม่ต้องทำมาหากินให้เหนื่อยยาก, ไม่ต้องลงทุน ขอได้ทุกอย่าง และมีสติปัญญาดี

หากว่าชูชก พราหมณ์เฒ่าเจ้าทรัพย์ ต้องการสิ่งใด ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะมีค่าเพียงใด เป็นยอดของรัก ของหวงแค่ไหน ถ้าต้องการแล้ว เรื่องไม่ได้เป็นไม่มี แค่เพียงชูชกยื่นมือออกไปขอ ก็ต้องได้ติดมือกลับมาทุกครั้งไป แกจึงไม่ต้องทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำให้เหนื่อย ไม่ต้องลงทุนใด ๆ แค่ขอ ข้าวปลาอาหาร เงินทองยังไม่เท่าไร แต่ชูชกสามารถขอลูกในอก จากพระเวสสันดร คือกัญหา –ชาลี ซึ่งเป็นลูกเป็นหลานกษัตริย์ ได้ จึงถือว่ายอดคน ยิ่งขอครั้งเดียวได้ถึง 2 องค์ จึงเป็นการยืนยันว่า ขอทานเฒ่าชูชกผู้นี้ เป็นบุคคลยกเว้นโทษ เป็นบุคคลควรแก่การเมตตา ของจริง

ชูชกยกฐานะ หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด


เหตุนี้ หลวงปู่ผาดจึงให้สร้างชูชกรุ่นแรกขึ้น ไม่ให้เหมือนใคร ชูชกของสำนักอื่น เอาแต่ยืน หรือเดินขอเงิน แต่ของหลวงปู่ผาด ทำเป็นท่านั่ง บริกรรมคาถา ร่ายเวทย์ ก็มีคนนำเงินร้อยกอง นำทองร้อยหาบมามอบให้ตรงหน้าแล้ว เอาแบบนั่งสบาย คือ นั่งขอ ไม่ต้องเดินขอ มันเมื่อย มันลำบาก จะทำของดีทั้งที มันต้องดีที่สุด และทรัพย์สมบัติ ที่ชูชก ขอได้ แกยกให้เรา มอบให้เราทั้งหมด จึงแรงกว่าเขา เหนือกว่าใคร เพราะชูชกเป็นนักขอ ไม่เคยให้ใคร เมื่อเราขอชูชกยังยกให้ ก็แปลว่า ชูชก รุ่นนี้ แรงกว่า ชาวบ้านชาวช่องเขาหมด ...ชูชกของหลวงปู่ผาด จึงมีย่ามใหญ่ ลงหัวใจ “นะวนเวียนขอ นะวนเวียนให้ ไม่มีที่สิ้นสุด) แถมกลางหลัง ยังลงด้วย หัวใจ “ นะขอเส้นขาด ” หมายถึง ไม่ว่าจะขออะไรมา จะขอเป็นสิทธิ์ขาด คนให้ ..ให้แล้วห้ามเอาคืน และ “ขอ เป็นเด็ดขาด” ห้ามปฎิเสธ ไม่ให้ ไม่ได้ !!! ทรัพย์สินเงินทอง ข้าวของล้นตัว มันแรง มันเร็ว เห็นผลไวเป็นทวีคูณ

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

หลวงพ่อคง วัดกลางบางแก้ว

หลวงพ่อคง กมฺมสุทฺโธ หรือ พระอาจารย์สัญญา วัดกลางบางแก้ว ปัจจุบัน ท่านอายุ ๖๖ ปี ๔๔ พรรษา ท่าน อุปสมบท ณ อุโบสถ วัดกลางบางแก้ว โดยมี หลวงปู่เพิ่ม พระพุทธวิถีนายก เพิ่ม ปุญญวสโน เป็นอุปัชฌาย์ ตลอดระยะที่ผ่านมาท่านดำรงตน อย่างสมถะ ไม่สะสมทรัพย์ มีเมตตาสูง ชอบช่วย เหลือชาวบ้าน ช่วยเหลือวัดต่างๆที่ขาดแคลน สร้างโบสถ์สร้างศาลาถวาย แก่วัดวาอารามใน ต่างจังหวัด การร่ำเรียนวิชา วิทยาอาคม ต่างๆ ท่านเริ่มจากการที่ช่วยเหลือปฏิบัติอุปฐาก อุปัชฌาย์ของท่าน คือพระพุทธวิถีนายก (หลวงปู่เพิ่ม บุญญสวโน) ทำวัตถุมงคลต่างๆ พร้อมร่ำเรียน อักขระเลขยันต์ พร้อมกันไปด้วย



มาในระยะหลังทำเองเป็นผู้ตีเบี้ย พร้อมจาร อักขระเพื่อให้ญาติโยม นำไปให้หลวงปู่เพิ่ม อธิษฐาน จิตอีกครั้ง ซึ่งหลวงปู่เพิ่มเองท่านบอกว่าเบี้ยแก้ตัวนี้มีพลังครบและสมบูรณ์ในตัวเองอยู่แล้ว ไม่จำ เป็นที่จะต้องให้ท่านเสกอีกก็ได้

หลวงพ่อคงร่ำเรียนวิชาพร้อมฝึกปฏิบัติ วิปัสนา จนเชี่ยวชาญ และยังช่วยเหลือหลวงปู่เจือ ซึ่งถือว่าเป็นศิษย์ผู้พี่ในการปฏิบัติศาสนกิจต่างๆ ท่านเองเป็นผู้ปรุงยาจินดามณีในตำรับ วัดกลางบางแก้ว จนเชี่ยวชาญเรียกได้ว่า เป็นผู้คัดสรรว่าน ที่จะนำมาปรุงยา และลงมือบดยา เองมาตั้งแต่สมัยหลวงปู่เพิ่ม

จนกระทั่งปัจจุบันเมื่อมีญาตโยมมาร้องขอท่านให้ช่วยปรุงยาจินดามณีให้ท่านก็ยังเมตตา ช่วยปรุงให้ในการทำผงยาจินดามณีนั้นหลวงพ่อท่านกล่าวเป็นบทกลอนในการปรุงยา และกรรมวิธี ให้ฟังดังนี้

จินดามณีโอสถอันพิลาสประกอบจาก 
ดอกคราด ดอกจันทร์ เกสรบุษบัน 
 เปราะหอม กำยาน โกฏสอ 
โกฏเขมา น้ำทองประสาน เปลือกกุ่มชนธาร 

ผสมเข้า กรุงเขมา เท่าๆกัน ผสมแล้วตำบด 
พิมเสน ชะมด น้ำผึงรวงรัง กฤษณา 
น้ำมะนาว น้ำมะเขือขื่นคั้น
ผสมเข้าด้วยกันผสมแล้วตำบดตากกิน 

ปฐมบทและการสืบทอดตำราจินดามณีสายวัดกลางบางแก้ว

จากบันทึกที่สืบค้นได้นั้นได้บันทึกว่า วิชาจินดามณีทางสายวัดกลางบางแก้วที่โด่งดัง นั้น เป็นวิชาที่สืบทอดมาจากสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี จากศูนย์รวมสรรพวิชาในสมัยนั้นคือ วัดประดู่โรงธรรม หรือวัดประดู่ในทรงธรรม ในปัจจุบัน

ต้นตำนานที่บันทึกจากปากคำบอกเล่าจากผู้เฒ่า ผู้แก่ที่เล่าทอดต่อกันมาคือ ในสมัย พระปลัดปาน เจ้าอาวาสวัดตุ๊กตา และพระปลัดทอง เจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว ซึ่งตรงกับรัชสมัย รัชกาลที่๓ ท่านทั้ง๒ เป็นสหธรรมมิกและเป็นสหายที่สนิทกันมาก ต่างแลกเปลี่ยนวิชาอาคมที่ได้ไป ศึกษากันมาตลอดหนึ่งในนั้น มีวิชาจินดามณี และวิชาทำเบี้ยแก้อยู่ด้วย เรียกได้ว่าท่านหนึ่งมีวิชา อีกท่านก็มีวิชาเหมือนกัน เมื่อครั้งงานกฐินวัดกลางวัดบางแก้ว ชาวบ้านจำนวนหนึ่งได้อยู่สนทนาธรรมกับพระปลัดทองหลังเลิกงานกฐิน ได้ถามหลวงพ่อเรื่อง จินดามณีมนตราคมว่าคืออะไร หลวงพ่อจึงเดินไปที่ท่าน้ำหน้าวัดแล้ว เอาเท้าข้างหนึ่งแตะที่ผิวน้ำ พร้อมกับภาวนามนต์ ปรากฎว่าฝูงปลาใหญ่น้อยในคลองบางแก้ว กระโจนขึ้นผิวน้ำต่างแวกว่าย แย่งกันว่ายมาบริเวณที่เท้าหลวงพ่อแตะน้ำอยู่สร้างความอัศจรรย์แก่ชาว บ้านที่อยู่ในวัดขณะนั้น จนเป็นที่โจษจันกันต่อมาของชาวบ้านในละแวกนครชัยศรีถึงเหตุการณ์นั้น

การสืบทอดวิชาจินดามณีมนตราคมตกทอดมาสู่หลวงปู่บุญ ขนฺธโชติ หรือพระพุทธวิถี นายกบุญ ซึ่งเป็นยุคที่วัตถุมงคลวัดกลางบางแก้วเป้นที่เลื่องชื่อสุด ทั้งยาจินดามณี เบี้ยแก้ เหรียญ เจ้าสัว ตะกรุด และอื่นๆ ที่หลวงปู่ล้วนเสกด้วยคาถาจินดามณี ล้วนแต่เป็นของศักดิ์สิทธิ์และเข้ม ขลัง ทรงอิทธิฤทธิ์และมีบันทึกประสบการณ์มากมายจวบจนปัจจุบัน การสืบทอดวิชาจากรุ่นสู่รุ่น สายวัดกลางบางแก้ว ลำดับได้ดังนี้ พระปลัดทอง หลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม หลวงปู่เจือ หลวงพ่อคง
 

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

หลวงปู่ญาท่านเขียน ป่าช้ายางขี้นก อุบลราชธานี

ญาท่านเขียน พระอภิญญา แห่งป่าช้า หนองขี้นกจำวัดในกลด ปลูกโรงสอนธรรม ในป่าช้า อายุ 85 ปี มีสมณศักดิ์เป็นถึงพระครู ราชทินนามว่า “พระครูสถิตปุญญานุวัฒน์” เป็นเจ้าอาวาสวัดดอนส้มป่อย ทิ้งตำแหน่งเป็นหลวงตา ปลูกเพิงพักในป่าช้า ย้อนหลังเมื่ออดีต ญาครู ไม่ธรรมดา เพราะท่านเป็นองค์เดียวที่สืบทอดวิชาสาย สมเด็จลุน นครจำปาสัก กับ ญาครูท่านกรรมฐาน เผย (พระครูธรรมบาล) ตั้งแต่ก่อนบวช สมัยเป็นวัยรุ่นเนื้อหอม นักเลงเก่า บางขุนพรหม หันหลังเดินออกวงการ เสือ มุ่งหาธรรมอย่างอุกฤต โชกโชน ทำจริง เรียนจัง เดินข้ามความตายมานักต่อนัก แต่ได้ครูดี คือ ครูทองลือ และ ครูปลั่ง สายพราหมณ์เก่ารัชการที่ ๕ เป็นอาจารย์ของท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม จึงเก่งและแก่งกล้าในวิชาอาคม เป็นนักเลงใหญ่ไม่กลัวใคร จนตำรวจขอร้อง ท่านอาจารย์ฆราวาสทั้งสอง ได้ฝากยันต์ วิชา ไว้ที่ตัว ญาครูฯ จักรักษาสืบทอดไว้จนกว่าจะตาย ไม่มีวันเสื่อม เมื่อลงทำวิชาอาคมใด เหมือนประจุพุทธมนต์ สืบสาย จอมอาจารย์ทั้ง สอง (นี้โบราณเขาลงกันอย่างนี้ ตายแล้วยังมีคนแทน ) ด้วยความกล้าบ้าบิน เคยเข้าไปกราบเรียนวิชากับ ท่านพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณนรรัตราชมานิจ ท่านสอนเน้นกรรมฐานเพื่อเป็นพื้นฐานยกจิตให้สูง ให้พ้นโลก เหนือโลก และสร้างสิ่งมงคลขลังยันโลกแตก กลับมาเรียนวิชากับหมอธรรม และออกบำเพ็ญเพียรในป่าเข้าไปในประเทศลาว เขมร พม่า จนได้สมณศักดิ์พระครูฯ มุ่งปฏิบัติธรรมอย่างอุกฤตมานาน สมถะ สันโดษ เรียบง่าย พระแท้ ที่ต้องกราบ ปัจจุบันท่านลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส แต่สมณศักดิ์ ในหลวงตั้งลาออกไม่ได้ จำพรรษาในกลดปลูกเพิงกลางป่าช้า หนองขี้นก ช่วยเหลือญาติโยม กลางป่าช้า อย่างมุ่งมั่นและ เมตตาบารมี บำเพ็ญ ธรรมให้บรรลุตามแนวทางพระบรมศาสดา



ตอนที่หลวงปู่ ญาครูเดินธุดงค์ มีคนเห็นเป็นร้อยว่า ญาครูเดินข้ามแม่น้ำโขงไปฝั่งลาว ด้วยเท้าเปล่าได้ (ถามญาท่านท่านตอบว่า พระน้าบ่ใช่เป็ดบ่ใช้ห่านจะได้ลอยน้ำ) ชาวบ้านให้สมญาท่านว่า “ญาท่านเขียน เหยียบกลางลำน้ำโขง

ที่ดินผี ที่ป่าโปร่ง ที่นาอาถรรพ์ ต้องกราบขอให้หลวงปู่ ญาครูไปเหยียบนาฝังลอยเท้าท่านไว้ ผีอาถรรพ์วิญญาณร้ายหายสิ้น ข้าวกล้าเติบโตงอกงามผลผลิตมากกว่าเขา ขนาดโดนพายุฝนถล่มนาอื่นเสียหายพังหมด ผืนนาที่ ญาครูเหยียบรอดปลอดภัยได้ผลแปลงเดียวในตำบล ญาครูเป็นพระดี มีบุญใหญ่ ใครทำบุญ ให้พรใคร ได้ผลใหญ่ มงคลสูง ทรงวิเวก พระอภิญญา ที่ไม่เหลืออะไร องค์จริงที่ตามหามาเนินนาน

ด้วยหลวงปู่ญาท่านเขียนมีเจตนาแน่วแน่ แรงกล้า สร้างศาลาไว้ให้ญาติโยมปฏิบัติธรรม กลางป่าช้า การสร้างวิหารทาน เป็นทานวิเศษ ทานอันเลิศในพระศาสนา ต่อยอดบุญวิหารทานด้วยกัน จะได้ มีบุญแรงกุศล ข้ามภพข้ามชาติไปพระนิพพาน ทุกคน ถ้ากำลังไม่ถึง จะเกิดในพระศาสนาพระศรีอาริยะ สำเร็จชาตินั้น ปัจจุบันศาลาปฏิบัติธรรมของท่าน มีเสา ครบ มีหลังคา รอผู้มีบุญใหญ่ เคยเกื้อกูลกันมา ต่อยอด ใหญ่ ร่ำรวยใหญ่ สำเร็จใหญ่ รุ่งเรืองใหญ่ เกิดกี่ชาติก็ไม่จน ด้วย ทานบารมีก่อรูปวิหารทาน กับ พระสุปฏิปัณโณ องค์สำคัญ แห่ง กรุงสยาม

ปาฏิหาริย์ ญาท่านเขียน เดินข้ามแม่น้ำโขงด้วยเท่าเปล่า สยบช้างป่า โขลงพ่อเมืองที่ดุดัน เป็น ช้างบ้าน สอนง่ายยังกับเด็ก คุยกับเจ้าที่เจ้าทางผีป่า สยบนาเฮี้ยน ทุ่งร้าง ป่าอาถรรพ์ได้ เรียกวิญญาณ คนขึ้นมารับบุญกุศลได้ ต่อเส้นวาสนาให้คนดวงตก โยมที่ หากินไม่ขึ้นมีแต่ปัญหาให้รวยขึ้นได้ (เจอประสบการณ์มาทั้งเมือง เป็นวิชาครูพรหมณ์เก่า ครูทองลือ ครูปลั่ง พราหมณ์ สมัยรัชกาลที่ ๕) เสกบ้องไม้ไผ่ให้แตกออกแล้วนำมาลงยันต์ช่วยคนให้แตกหน่อแตกกอธุรกิจได้...

ปัจจุบันญาท่านเขียนมาจำพรรษาอยู่ที่ ศูนย์ปฏิบัติธรรมตำบลยางขี้นก (ป่าช้ายางขี้นก)ต.ยางขี้นก อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี 34150

วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

ครูบาบุดดา วัดหนองบัวคำ ลำพูน

พระครูมงคลพิบูล หรือ ครูบาบุดดา อายุ 98 ปี วัดหนองบัวคำ ต.แม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูน ท่านสืบต้นบุญมาจากครูบาเจ้าศรีวิชัย (หรือหลวงปู่ท่านเรียกว่าครูบาพ่อ) ร่วมสร้างวัดที่จังหวัดลำพูนหลายวัด ครูบาพ่อศรีวิชัยแนะแนวทางปฏิบัติให้ข้ามพ้นวัฏสงสาร พอครูบาพ่อมรณภาพ หลวงปู่ครูบาบุดดาในขณะนั้นอายุ 24 ปี ท่านได้สึกมาเรียนวิชาในไสยศาสตร์ที่อยากรู้ยิ่ง ถ้าครองเพศเป็นพระอยู่ไม่สามารถเรียนได้ จนท่านกำราบเสือปล้นเสือสมิงได้ ถ้าจะนับบายศรีเครื่องบูชาขันธ์ครู หลวงปู่ครูบาบุดดา ท่านบอกว่าให้หลังช้าง 2-3 เชือกก็ไม่พอใส่ เมื่อสมัยหนุ่มๆ ท่านปลุกเสกลำไยให้ออกลูกหน้าแล้งประจักษ์สายตาลูกศิษย์ลูกหามาแล้ว ดูดวงดาวแล้วรู้ว่าจะมีเรื่องที่บ้านไหน จะมีคนตายกี่คนก็บอกได้ ตบพื้นกระดาน เรียกคนให้มาหาก็ทำมาแล้ว ช่วงเป็นฆราวาส ท่านเป็นหมอยาประจำบ้าน เป็นกำนัน ต่อมาหลวงปู่ครูบาบุดดาเบื่อทางโลก จึงออกบวชอีกครั้งตามคำสั่งของครูบาศรีวิชัย (ครูบาพ่อ) ที่ว่า บวชครั้งที่ 2 ก็จบแล้ว หลวงปู่ครูบาบุดดาท่านยังไปเรียนกับครูบาวังที่จังหวัดตากมาหลายปีนอกจากนี้ ท่านมีความสนิทสนมกับครูบาพรหมจักรสังวร (ผู้มีอัฐิเป็นพระธาตุใสเป็นแก้ว) ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา (ร่างไม่เน่าแข็งเป็นหิน) และ ครูบาธรรมชัย ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ พระเกจิ อาจารย์ชื่อดัง "หลวงปู่ครูบาบุดดา" วัดหนองวัวคำ จ.ลำพูน

เมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา แจ้งข่าวจาก นายบุญสม คำหล้า กรรมการวัดหนองวัวคำ อ.ลี้ จ.ลำพูนว่า ครูบาบุดดา อินทปัญโญ เจ้าอาวาสวัดหนองวัวคำ ซึ่งเป็นพระเถราจารย์ผู้ทรงเวทย์วิทยาคมขลัง แห่งแดนล้านนา ได้ถึงแก่การมรณภาพลงด้วยอาการสงบ ณ วัดหนองวัวคำ เมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมาก ยังความโศกเศร้า เสียใจ แก่ศิษยายุศิษย์ทุกท่าน



วัตถุมงคลครูบาบุดดาชุดสุดท้าย ที่ท่านตั้งใจสร้าง และตั้งใจเสก อย่างเต็มที่ ตั้งแต่ วันพญาวัน (13เมษายน พ.ศ. 2555)คล้ายจะฝากของดีไว้ให้ใช้ ฝากของขลัง ไว้คู่โลก ยังพอมีเหลือให้ศรัทธาสานุศิษย์ได้เก็บไว้บูชา พลาดจากนี้ก็ไม่มีแล้ว
  • พระกริ่งพระเจ้าทันใจ 9 คำภีร์ ฝังผงสัตนาเค ผงพระเจ้าทันใจ ฝังตะกรุดอุปคุตปราบมาร ,ตะกรุดรวยทันใจ สร้าง 599 องค์ บูชา 699 บาท (โค๊ต+หมายเลข) 
  • พระกริ่งพระเจ้าทันใจ 9 คำภีร์ ฝังผงสัตนาเค ผงพระเจ้าทันใจ สร้าง 1,200 องค์ บูชา 499 บาท (โค๊ต+ หมายเลข) 
  • ล็อกเก็ตรุ่นแรก ครึ่งองค์ หลัง อุดผงนี้ เจตนาสร้าง ไว้แทนตัวท่าน ไว้ให้ศิษย์รุ่นหลัง มีท่านอยู่ด้วย เจริญ ก้าวหน้าทุกคน)
  • พระผงนั่งกระต่าย ฝังตะกรุดเงิน 9 ดอก
  • พระผงนั่งกระต่าย ฝังตะกรุดเงิน 5 ดอก
  • พระผงนั่งกระต่าย ฝังตะกรุดเงิน 1 ดอก
  • ตะกรุดม้ากล่อมนาง ใช้ต้องเขย่า
  • กุมารดูดรก รุ่นแรก บูชา ตัวละ 300 บาท 
  • ลูกอมม้าเสพนาง เนื้อปีกเครื่องบิน เนื้อทองม้าฬ่อ
ตะกรุดม้ากล่อมนาง

วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

พระสมเด็จทรงครุฑ หลวงปู่ผาด วัดไร่

วัดไร่ ต.ศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เป็นวัดโบราณ สมัยนี้มีพระภิกษุอาจารย์ชื่อดัง "หลวงปู่ผาด อภินันโท" หรือ "พระครูมงคลสาธุวัตร" สิริอายุ 96 ปี พรรษา 75 ทรงไว้ฐานันดรขรัว หลวงปู่ผาด กำเนิดเมื่อวันที่ 24 เดือนกันยายน 2459 วัยเด็กเล็กได้ศึกษาเล่าเรียนชั้นประถมที่สถานที่เรียนประชาบาลวัดยางมณี จนจบชั้น ป.4 ท่านได้รับเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างมากจากพระรัตนมุนี วัดชีโพน ซึ่งเป็นเจ้าคณะอยุธยา ในในเวลานั้น รับไว้เป็นลูกศิษย์ลูกหา ถัดจากนั้นเมื่ออายุครบบวช จึงได้เข้ารับการบวช ณ วัดยางมณี มี หลวงพ่อปลื้ม วัดช้าง เป็นอุปัชฌาย์ หลวงพ่อชวน วัดยางมณี เป็นพระกรรมวาจาจารย์และ หลวงพ่อแทน วัดกำแพง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับฉายา อภินันโท หลังจากบวชเรียนแล้ว ได้ดั้นด้นมาศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมที่วัดมหาธาตุฯ กทม. และทำความเข้าใจวิชาธรรมกายจาก หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ ในปี พ.ศ.2495 ท่านได้รับการรังสฤษฏ์ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดไร่ และตั้งสำนักอบรมวิปัสสนากรรมฐานตามแนวทางวิชาธรรมกายของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ

หลวงปู่ผาดได้จัดนฤมิตและพิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุบูชา เพื่อเป็นเครื่องเคราชุบเลี้ยงสาวก และเป็นที่จำได้ ล่าสุดมีหลายรุ่นที่ฮือฮา และก่อเกิดชั่วโมงบินปาฏิหาริย์เป็นเบือ เช่น พระพรหมลิขิต พระกริ่งเพชรกลับ พญาครุฑ ตะกรุดพระ  พระบรมครูฤาษี ตะกรุดฝนแสนห่า ตะกรุดมหาจักร พรรดิตราธิราช พระพิฆเนศวร  พระกริ่งดีดศาลา ตะกรุดหวายรองบาตร เป็นต้น ล่าสุด หลวงปู่ผาดจัดสร้างวัตถุมงคลในวาระงานกฐินของวัดที่ผ่านมา รูปลักษณ์ พระสมเด็จ ที่เรียกว่า "พระสมเด็จทรงครุฑ" มีพุทธคุณเด่นด้านการเสริมอำนาจศักดิ์สิทธิ์ วาสนา รับราชการเฟื่อง หากินคล่องธุรกิจการค้าเจริญก้าวหน้า

"พระสมเด็จทรงครุฑ หลวงปู่ผาด วัดไร่" มีมวลสารมากมายหลายเนื้อ ดังนี้

  1. พระสมเด็จทรงครุฑ เนื้อนำฤกษ์ เป็นพิมพ์โบราณ สร้างจำนวน 99 องค์ มีหมายเลขกำกับทุกองค์ หลวงปู่ผาด กดพิมพ์ที่วัดเองทุกองค์ ผสมมวลสารสำคัญมากมาย 
  2. พระสมเด็จทรงครุฑ เนื้อผงอิทธิเจสีขาว ผสมกระจกหน้าบันวัดไร่ ฝังพระธาตุ มีเส้นเกศาหลวงปู่ผาดโรยด้านหน้า กดโค้ดเป็นสำคัญ 
  3. พระสมเด็จทรงครุฑ เนื้อผงว่าน ผสมดินกากยายักษ์ ซึ่งดินนี้เป็นดินเดียวกับที่ใช้สร้างพระเนื้อว่านหลวงปู่ทวด วัดช้างให้รุ่นแรก เมื่อปี พ.ศ.2497 ฝังเม็ดแร่ขวานฟ้า และพระธาตุ มีเส้นเกศาหลวงปู่ผาดโรยด้านหน้า กดโค้ดเป็นสำคัญ  
  4. พระสมเด็จทรงครุฑ เนื้อแดง ผสมว่านทางมหานิยม ผสมขนหางนกยูงพัดโบก ฝังพระธาตุและมีเส้นเกศาหลวงปู่ผาดโรยด้านหน้า กดโค้ดเป็นสำคัญ 
  5. พระสมเด็จทรงครุฑ เนื้อเหลืองขาว ฝังเม็ดแร่ มีเส้นเกศาหลวงปู่ผาดโรยด้านหน้า ด้านหลังฝังปลอกลูกปืน กดโค้ดเป็นสำคัญ 
  6. พระสมเด็จทรงครุฑ เนื้อผงธูปกรรมฐาน และเนื้อผงเกสร 108 ฝังตะกรุดเงิน 9 ดอก สร้างจำนวน 196 องค์ ฝังตะกรุดเงิน 8 ดอก สร้างจำนวน 296 องค์ ฝังตะกรุดเงิน 7 ดอก สร้างจำนวน 396 องค์ ฝังตะกรุดเงิน 6 ดอก สร้างจำนวน 496 องค์ ฝังตะกรุดเงิน 5 ดอก สร้างจำนวน 496 องค์ ฝังตะกรุดเงิน 3 ดอก สร้างจำนวน 596 องค์ ฝังตะกรุดเงิน 1 ดอก สร้างจำนวน 996 องค์ เนื้อลงกรุ ไม่ฝังตะกรุด
พระสมเด็จทรงครุฑ เนื้อเหลืองขาว ฝังเม็ดแร่ มีเส้นเกศาหลวงปู่ผาดโรยด้านหน้า ด้านหลังฝังปลอกลูกปืน


สนใจร่วมทำบุญบูชาพระสมเด็จทรงครุฑ หลวงปู่ผาดได้ที่วัดไร่ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง และบูชาได้ที่ไปรษณีย์ใกล้บ้านทั่วประเทศ ตั้งแต่ 1 มี.ค.2555 เป็นต้นไป

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ รุ่น จงสำเร็จ

หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ เป็นพระธุดงค์กรรมฐาน นักพัฒนา นักปฏิบัติกรรมฐานถือสันโดษ ปัจจุบันพำนักอยู่สุสานทุ่งมน ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ มีสิริมงคลอายุ 95 ปี เป็นพระอนุรักษ์นิยม ส่งเสริมความสมบูรณ์ ความสมดุล สู่ธรรมชาติโดยดารขุดสระ ขุดบ่อ ทำฝายทดน้ำ ซื้อที่ปลูกป่านับหมื่นๆไร่ ทั้งปล่อยสัตว์นานานชนิดโดยเฉพาะสัตว์มีพิษ เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง เป็นที่น่าอัศจรรย์ สัตว์มีพิษทุกชนิดหลังจากที่หลวงปู่ ท่านเสก เป่าปล่อยแล้ว จะอยู่ร่วมกันไม่กัดกินกัน

ขณะนี้ได้สร้างปราสาทเพชร พิพิธภัณฑ์ เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เจริญภาวนาแก่พระภิกษุสงฆ์ สามเณร เป็นอาคารสามชั้น ภายนอกปิดผนังด้วยหินทราย ภายในปู-ปิดด้วยผนังหินอ่อน โดยมีพระพุทธเพชรสุรินทร์ เป็นพระประธาน ขนาดหน้าตักกว้าง 59 นิ้ว แกะสลักจากเนื้อหินศิลาอัมรินทร์ พร้อมทั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ เก็บเครื่องอัฏฐบริขาร ของหลวงปู่ แลวัตถุมงคลต่างๆ ไว้ให้อนุชนได้ศึกษา หาความรู้สืบไป



ปัจจุบัน มีวัตถุมงคลหลวงปู่หงษ์ ซึ่งจุดประสงค์ในการจัดสร้าง เพื่อที่สมทบทุนในการสร้างปราสาทเพชร พิพิธภัณฑ์ ซึ่งได้เปิดให้ผู้มีจิตศรัทธา เช่าบูชาเพื่อเป็นสิริมงคล โดยมีเป็นชื่อวัตถุมงคลว่า หลวงปู่หงษ์ รุ่น จงสำเร็จ ซึ่งมีชนวนมวลสารคือ รังนกสาริกา เถาวัลย์หลง ผงรวม กาฝาก 108 , รวมพระขุนแผนทุกรุ่นของหลวงปู่ สีผึ้งก้นกะทะ , ชนวนพระกริ่งและพระเก่าของหลวงปู่ , ข้าวก้นบาตร ว่านเกสร 108 ผงรวมทุกรุ่น ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ สุสานทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ วันเสาร์ ที่ 2 มิถุนายน 2555

รวมภาพพิธีพุทธาภิเษก วัตถุมงคล หลวงปู่หงษ์ รุ่น จงสำเร็จ


วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

หลวงปู่นิ่ม เจ้าตำรับมนต์จินดามณี วัดพุทธมงคล

หลวงปู่นิ่ม วัดพุทธมงคล ยอดพระเกจิเมืองขุนแผน อายุ ๘๔ ปี พรรษา ๖๔ 


เกจิสุพรรณที่เป็นยอดสืบวิชาสายตรงองค์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เพียบแปล้ไปด้วยพุทธคุณและพลังอภิญญาสมบัติ อิทธิฤทธิ์ปานรูปองค์พระดุจอุณาโลมที่เหนือหน้าผาก(อาจารย์นำแก้วจันทร์ก็มีปานดำอุณาโลมแบบนี้) สืบเชื้อสาย พุทธบุตร มาหลาย แสนชาติ เต็มเปี่ยมไปด้วย อิทธิฤทธิ์ และ ปาฏิหาริย์ แบบ หาตัวจับยาก และ ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก หลวงปู่นิ่ม ท่านมีนิสัยเรียบร้อย พูดน้อย สงบเงียบ แต่อุดมไปด้วยสมาธิจิตตั้งแต่เป็นเด็ก เติบโตเป็นสามเณร เป็นพระภิกษุถึงมหาเถระ ยอมเปิดเผยตัวว่า เป็นหนึ่ง ไม่มีสอง ของยอดเกจิยุคกึ่ง พุทธกาล ยอดเกจิเมืองขุนแผน

ประวัติพอให้รู้ว่า พระเก่งเกิดขึ้นแล้วกลางเมือง สุพรรณภูมิ เถระองค์ นี้มีดี สูงล้น ท่านบวช กับ หลวงปู่เปลื้อง วัดสุวรรรภูมิ เกจิผู้ใหญ่ในสุพรรณ สืบวิชา ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า วิชา หลวงปู่สอน วัดป่าเลไลยน์ ผู้สร้างเหรียญหลวงพ่อโต วัดป่า ฯ ที่ค่านิยมเป็นแสน ๆ สืบวิชา หลวงปู่โต๊ะ วัดลาด อีกสาย ที่น่าทึ่ง สายเจ้าคุณใหญ่ เมืองสุพรรณ(พระธรรมมหาวีรานุวัตร) สายนี้สืบจากหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก เป็นอาจารย์ ของหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อเต๋ คงทอง และ หลวงพ่อ จ่าง วัดสองพี่น้อง ผู้เป็นอาจารย์ของท่านเจ้าคุณใหญ่อีกที สายตรง ที่หลวงปู่นิ่มเรียนและฝากเรียนมามากที่สุด คือ หลวงปู่กล้าย วัดหงส์ฯ พอหลวงปู่นิ่มบวชแล้ว หลวงปู่กล้าย รู้ดีว่า “พระนิ่ม” นี่มีดีในตัว อัศจรรย์แท้ๆ จึงมารับหลวงปู่นิ่มไปอยู่วัดหงส์รัตนาราม

ตั้งแต่วันแรก หลวงปู่กล้ายถ่ายทอดให้ หลวงปู่นิ่ม จนหมด จนสิ้น เพราะไม่ได้อยู่กันประเดี๋ยวประดาว อยู่กับหลวงปู่กล้ายเป็นปีๆ หลวงปู่กล้าย นี่นับเป็นพระผู้ใหญ่และเป็นเกจิยุค ปี 2500 เป็นศิษย์ หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ในยุคนั้น มีเกจิเก่งๆอยู่เพียบ หลวงปู่กล้าย ท่านจึง พา หลวงปู่นิ่มไปกราบ ไปขอคาถาเคล็ดวิชาอาคม บางก็ฝึกจิต ฝึกสมาธิ เรียนวิชาจากยอดเกจิยุคปี 2500 อย่างชนิดที่เจอตัวเป็นๆ สอนกันชัดๆ บอกให้รู้พอหอมปากหอมคอ ก็เช่น หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ผู้เป็นชาวสุพรรณสนิทสนมกับหลวงปู่กล้ายมาก หลวงปู่นิ่ม ไปเรียนวิชากับหลวงพ่อสด สังฆราช (ป๋า) วัดโพธิ์ฯ สนิมชิดเชื้อกับหลวงปู่กล้าย ตอนหลวงปู่กล้ายป่วย สังฆราชฯเสด็จเยี่ยมถึงกุฏิ ได้ที หลวงปู่กล้ายจึงกราบฝากหลวงปู่นิ่มเป็นศิษย์ สมเด็จฯป๋า หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อแช่ม วัดนวลนรดิษฐ์ หลวงปู่นิ่มไปเรียนมาทั้งนั้น เกจินอกพื้นที่หลวงปู่นิ่มไปเรียนตามคำฝากของหลวงปู่กล้าย อีกหลายองค์ เช่น หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว หลวงพ่อเต๋คงทอง หลวงพ่อหรุ่น วัดเสาธงทอง หลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม เท่านี้ก็เหลือแหล่แล้ว โอ้โห วิชาสายตรงดีๆทั้งนั้น ยอดเกจิในยุคอดีต ฝากวิชาไว้ให้ หลวงปู่นิ่ม วัดพุทธมงคล องค์นี้ ถ้า หลวงปู่นิ่มองค์นี้สร้างพระไว้แรกๆ ก็คงจะดังระเบิดเป็นพระหลักของวงการและพระหลักของเมืองสุพรรณ อีกองค์ ท่านก็ทำเล็กๆน้อยๆ แจกลูกศิษย์ พระเล็กๆน้อยๆที่ทำพุทธคุณไม่เล็กไม่น้อยเลย เอาอย่างนี้ จะเล่าเรื่องเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่ให้ทราบ

พิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลในพระอุโบสถวันพุทธมงคล วันที่ 22 กรกฎาคม 2555

  • ตะกรุด หลวงปู่นิ่ม ลูกศิษย์ใส่สร้อยไปกราบ หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ เมื่อปี 2538 ปีที่หลวงพ่อคูณเริ่มดัง หลวงพ่อคูณจะเสกทั้งสร้อย ท่านจับแล้วลืมตา หยิบตะกรุดออกและ บอกว่า “ไอ้นี่มันของดีแล่ว ไม่ต้องเสกอีกด๊อก
  • หลวงพ่อพยุง วัดบรรลังค์ เคย กล่าวไว้ว่า “บ้านเรา อีกหน่อยจะเหลือแต่อาจารย์ นิ่ม วัดพุทธฯ เขาเสกของขึ้น” 
  • แม้แต่ หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว เคยจะเสกทับตะกรุด หลวงปู่นิ่ม ท่านหลับตาลืมตาอีกครั้งหยิบตะกรุดออก บอกว่า “เขาทำของเขาแรงแล้ว เราจะไปเสกเข้าหรือ????
  • ครั้งสำคัญ  เมื่อ หลวงปู่นิ่มออกเหรียญ  ผูกพัทธสีมา ปี 2540 ท่านเสกเองเงียบๆที่กุฏิ ปรากฏว่า เมื่อท่านปิดกุฏิเสกเมื่อไหร่  สายฟ้าพุ่งเป็นสายๆ เข้าหากุฏิท่านจนเสกเสร็จทุกวันทุกวัน  ชาวบ้านลือกันว่า ท่านเชิญเทวดาเข้ากุฏิ  เหรียญนี้จึงได้ฉายาว่า เหรียญ “สายฟ้าฟาด” พอแจกออกไปเกิดปาฏิหาริย์มากมาย ใครจนอยู่เลิกจน ค้าขายไม่ดีเลิกขายไม่ดี  กิจการเปลี่ยนหลังมือ เป็นหน้ามือ อย่างไม่นาเชื่อ
  • มีอยู่ครั้งหนึ่งเหรียญนี้แม่ค้าได้รับแจกไปและใส่ไว้ก้นกระเป๋าสะพายจนลืมไปแล้ว  วันหนึ่งญาติพาไปกราบหลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร เอากระเป๋าไปให้ หลวงพ่อจ้อย เป่าให้ ท่านบอกเสียงเบาๆว่า “ในกระเป๋า มีลูกแก้วอยู่เทวดามาเฝ้าด้วย” แม่ค้าบอก หลวงปู่ว่าไม่มี ไม่มีเจ้าคะ     ท่านบอกหาดีๆ เทกระเป๋ามาดู เจอเอกสารเงินของจิปาถะ และมีเหรียญหลวงปู่นิ่มตกมาดังแปะ หลวงพ่อจ้อยอมยิ้ม บอกว่า นี่นี่ ลูกแก้ว สารพัดนึก
บารมีหลวงปู่นิ่มมีมากมายอย่างนี้ หาพระอย่างนี้ยากมั้ย... เล่า

หลวงปู่นิ่ม เต็มอิ่มด้วยพุทธคุณ สูงล้นด้วยพลังจิต ใจใหญ่ยิ่งกว่าแม่น้ำ
พุทธคุณสูงส่ง ดังกงจักรปักใจ พระแท้เมืองสุพรรณที่ คนสุพรรณกราบแล้วกราบอีกบอกว่า “อ้อของจริงอยู่ในเมือง นี่เอง”

วิชา จินดามณีวังหลวง นี้แหละแม่บท วิชา จินดามณี
มหายันต์ “ จินดามณีวังหลวง ”เป็นยันต์ประจำตัวหลวงปู่มีคุณมาก  บวกลบคูณหารแล้วสรุปใจความว่า ยันต์นี้ เรียกลาภให้ไหลมาเทมาการค้าการขายดี เรียกลูกค้าดียิ่งกว่ายันต์จินดามณี แล้ว ยันต์นี้อยู่ที่ไหนทำให้ที่นั้นเจริญพัฒนาสถาพร      ถิ่นฐานล้างก็กลับมีผู้คน     บ้านที่ยากจนก็มั่งมี    บ้านคหบดีก็เป็นเศรษฐีใหญ่   บ้านที่รวยแล้วไซร้ก็งอกงามยาวนานสืบต่อไป ยันต์จินดามณีวังหลวงหลวงปู่ใช้ลงและเสกวัตถุมงคลเพื่อประกาศนามหลวงตา แก่ๆ ที่ร่ำเรียนมาไม่รู้จะตอบแทนข้าวแดงแกงร้อนของญาติโยมอย่างไรจึงเอาวิชาทั้งหมดทุ่มเท ตั้งจิตอธิฐานต่อยันต์จินดามณีวังหลวง ที่ศักดิ์สิทธิ์  ช่วยเหลือลูกศิษย์ลูกหาที่ได้ครอบครอง ใช้อธิฐานวัตถุมงคลของหลวงปู่ที่ลงมนต์จินดามณีวังหลวง ให้มีแต่ ความสุข ความเจริญยิ่งๆขึ้นไป ตลอดกาลนานเทอญ  

วัตถุมงคลหลวงปู่นิ่ม วัดพุทธมงคล สุพรรณบุรี ..

วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สมเด็จวัดเจ้าอาม

หลังจากวัดเจ้าอาม บางกอกน้อย กรุงเทพฯ ได้เปิดกรุวัตถุมงคลที่เก็บไว้ใต้หลังคาพระอุโบสถ และพระวิหารวัด เป็นเวลานานหลายสิบปี ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากนักสะสมพระเครื่อง และประชาชนทั่วไปเป็นจำนวนมาก โดยสาเหตุที่วัดเจ้าอามได้เปิดกรุพระเก่าที่เก็บไว้นั้น ก็เพื่อนำออกมามอบให้แก่ผู้ที่ร่วมทำบุญสมทบทุนซื้อที่ดินถวายวัดเจ้าอาม จำนวน 813 ตารางวา เป็นเงิน 24 ล้านบาท เนื่องจากวัดมีพื้นที่คับแคบ ไม่เพียงพอกับการให้บริการประชาชนทั้งด้านพระพุทธศาสนา และสังคมสงเคราะห์ แต่วัดยังขาดทุนทรัพย์ในการซื้อที่ดินดังกล่าว จึงได้เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญ พร้อมรับพระเก่าพุทธคุณสูง เพื่อเป็นสิริมงคล เสริมบารมีให้กับชีวิตตนเองและครอบครัว

สำหรับพระเก่าที่เก็บไว้ทั้งหมด 3 รุ่น คือ พระสมเด็จเนื้อเกสร ปี 16 , พระสมเด็จแกะจากไม้ช่อฟ้าวัดระฆังปี 35 และพระสมเด็จทิพย์มงคล ปี 35 เนื้อผงผสมมวลสารไม้ช่อฟ้าวัดระฆัง

พระสมเด็จเนื้อเกสร ปี 16 เดิมจัดสร้างเมื่อปี 12 เพื่อแจกทหารที่ไปรบในสงครามเวียดนาม หลังจากนั้นได้มีการทำเพิ่มขึ้น เพื่อแจกทหารและตำรวจทั่วไป รวมทั้งบรรจุในพระปรางค์ใหญ่เก่าแก่ที่วัดเจ้าอาม เพื่อสืบทอดพระศาสนาต่อไป

พระสมเด็จเนื้อเกสรลาย 3 ชั้น ปี 16

พระผงสมเด็จชุดนี้ ได้รับการกล่าวขานกันว่า เป็นพระเครื่องที่มีพลังอานุภาพศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังด้านเมตตามหานิยม โดยเฉพาะด้านอภินิหารแคล้วคลาดจากอันตราย และคงกระพันชาตรี เนื่องจากมีประสบการณ์อันลือลั่นมานับไม่ถ้วน และมีชื่อเสียงมากในจังหวัดราชบุรี และเพชรบุรี

โดยพระครูนิวิฐสาธุวัตร หรือหลวงพ่อทองล่ำ เจ้าอาวาสวัดเจ้าอาม เป็นผู้จัดสร้างขึ้นเองที่วัด สร้างตามตำรับสูตรสมเด็จฯโต ที่ได้รับมาจากหลวงปู่หอน อดีตเจ้าคณะ 13 วัดระฆัง

หลวงพ่อทองล่ำ ได้รวบรวมเกสรจากวัดอารามต่าง ๆ รวมทั้งผงอิทธิเจและผงพุทธคุณจากพระเกจิอาจารย์มากมาย อาทิ หลวงปุ่โต๊ะ หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณมิตร และหลวงพ่อแกร วัดส้มเสี้ยว นำมาเป็นมวลสารในการจัดสร้างไว้ 2 พิมพ์ คือ พิมพ์ 3 ชั้น เนื้อขาว และเนื้อลาย และพิมพ์ 9 ชั้น เนื้อลาย

ได้ทำพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดเจ้าอาม เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2516 ที่ผ่านมา โดยมีหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ทำพิธีเจิมเทียนชัย

พร้อมพระเถราจารย์ที่มากด้วยอาคมเข้มขลังทั่วประเทศร่วมปลุกเสก อาทิ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี. หลวงพ่อสุข วัดราชนัดดา, หลวงพ่อพันธ์ วัดอินทราราม, หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิต, หลวงพ่อสว่าง วัดคฤหบดีสงฆ์ (วัดท่าพุทรา) กำแพงเพชร, หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์, หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่, หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ, หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช, หลวงพ่อแกร วัดส้มเสี้ยว, หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณมิตร, หลวงพ่อเส่ง วัดน้อยนางหงส์, หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง, หลวงพ่อรัตน์ วัดบางบำหรุ, หลวงพ่อหวล วัดพิกุล, หลวงพ่อช่วง วัดจำปา, พระอาจารย์ผ่องจินดา วัดจักรวรรดิ์ฯ, พระอาจารย์แสน วัดท่าแหน ลำปาง และพระอาจารย์สาโรจน์ วัดใหม่ทองเสน

จากรายนามพระเถราจารย์ที่มาร่วมพิธีปลุกเสกนั้น ล้วนเป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของประชาชนทั้งประเทศ การันตีได้ว่า เป็นพระสมเด็จที่ควรสักการบูชาติดตัวไว้ อนาคตหาไม่ได้อีกแล้ว

พระสมเด็จปี 35 รุ่นประวัติศาสตร์ แกะลงยนเนื้อไม้ช่อฟ้าวัดระฆัง ของสูงศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่มากับพระอุโบสถเก่าแก่สมัยสร้างมาครั้งแรก มีอายุนานกว่า 200 ปีมาแล้ว หรือกล่าวได้ว่า สมัยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เลยทีเดียว

พระสมเด็จไม้ช่อฟ้าอุโบสถวัดระฆังปี 35

สมเด็จปี 35 นี้ได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดเจ้าอาม เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2535 โดยได้รับเมตตาจากสมเด็จพระญาณสังวร สมด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเป็นประธานจุดเทียนชัย และสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว) วัดสระเกศ เป็นประธานดับเทียนชัย


ปลุกเสกโดยพระเกจิอาจารย์ดังทั่วประเทศ จำนวน 69 รุป อาทิ พระสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม, หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง, หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวกการาม, หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ, หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน, หลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ, หลวงพ่อบุญมา วัดเบญจมบพิตร, หลวงพ่อทองดี วัดราชโอรส, หลวงพ่อผัน วัดระฆังฯ, หลวงพ่อช่อ วัดฤกษ์บุญมี, หลวงพ่อสำราญ วัดปากคลองมะขามเฒ่า และพระครูนิวิฐสาธุวัตร เจ้าอาวาสวัดเจ้าอาม เป็นต้น

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

หลวงพ่อโสธร กรมอนามัย

บูชาหลวงพ่อโสธร รุ่น “เบญจนวมงคล” ได้สร้างมหากุศลครั้งยิ่งใหญ่ น้อมเกล้าฯ ถาวย เป็นพระราชกุศล ได้วัตถุมงคลที่มีความศักดิ์สิทธิ์ พุทธศิลป์งามสว่า...ล้ำค่ายิ่ง

ได้สร้างมหากุศลครั้งยิ่งใหญ่

มะเร็งเต้านม เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในสตรีไทย ในปี 2553 พบผู้ป่วยรายใหม่ 13,184 ราย เสียชีวิต 4,665 ราย หรือทุก 2 ชั่วโมง จะพบสตรีไทยเสียชีวิตด้วยมะเร็งเต้านม 1 คน ท่านเป็นผู้หนึ่งที่สร้างมหากุศลครั้งยิ่งใหญ่เพื่อน้อมเกล้าฯ ถาวยสมเด็จพระบรมโอรสิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุ ครบ 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555 โดยสร้างโอกาสแก่สตรีไทยที่มีปัจจัยเสี่ยง แต่ด้วยโอกาสได้เข้าถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยเครื่องเอ็กซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ (MAMMOGRAPHY) แก่สตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาสโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ปกติการตรวจค้นหาด้วยวิธีนี้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองรายละประมาณ 2,000 บาท ซึ่งยังไม่ครอบคลุมในสิทธิประโยชน์ตามหลักประกันสุขภาพหน้า

ได้วัตถุมงคลที่มีความศักดิ์สิทธิ์ มหิทธานุภาพ อันสูงสุด

หลวงพ่อโสธร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระคู่บ้านคู่เมือง ที่เลี่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์มาช้านาน ประชาชนทั่วสารทิศหลั่งไหลมากราบสักการะขอพรมากที่สุดแล้วมักจะประสบความสำเร็จดังที่ปรารถนา โดยเฉพาะด้านโชคลาภ ค้าขาย และธุรกิจการค้า รักษาโรคภัยไข้เจ็บ สอบเข้าเรียนได้มีท่านผู้รู้ทรงอภิญญาได้กล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้หลวงพ่อโสธรมีความศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากมีเทพดามาปกปักรักษาองค์หลวงพ่อถึง 16 พระองค์ และหลวงพ่อประทับ ณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร ซึ่งต่อมาได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เชื่อกันว่าเป็นตำแหน่งที่มี “ฮวงจุ้ย” ที่ดีเยี่ยม เป็นตำแหน่งแห่งโภคทรัพย์ มีชื่อเรียกเดิมว่า “คุ้มมังกร หรือท้องมังกร” ฉะนั้นการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่แทนหลังเก่า จึงไม่มีการขยับเขยื้อนองค์หลวงพ่อแม้แต่น้อย

การสร้าง ถูกต้องตามประเพณีที่สืบมาแต่โบราณครบถ้วน คือ มวลสารดี ได้มีการรวบรวมอิทธิมวลสารศักดิ์สิทธิ์จากพระเกจิผู้ทรงวิทยาคมทั่วประเทศ ลงอักขระ เลขยันต์ในแผ่นทอง และขอชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสามารถรวบรวมได้มากกว่า 8,000 ชนิด นอกจากนี้ยังได้รับบริจาคมวลสารเก่าแก่ที่มีอายุนับ 1,000 ปี ตั้งแต่สมัยขอม, ทวาราวดี, เชียงแสน, อู่ทอง, สุโขทัย, อยุธยา และรัตนโกสินทร์ ก่อนจะนำมาหล่อหลอมได้ทำพิธีบวงสรวงขอขมาอย่างถูกต้อง

หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ แห่งวัดบ้านไร่ ได้เมตตาอธิษจิตปลุกเสกแผ่นยันต์ 5 พร้อมทั้งมอบมวลสารอีกเป็นจำนวนมากได้แก่ เส้นเกษา, จีวร และผงศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมผงจิตรลดาที่เหลือจากการจัดสร้างพระชินสีห์ ภปร. ปี 2548 อีกด้วย จึงทำให้วัตถุมงคลชุดนี้มีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเป็นทวีคูณ


รับเช่าจองบูชาตั้งแต่ วันที่ 1-31 สิงหาคม 2555 กำหนดรับวัตถุมงคลได้ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2555 เป็นต้นไป เช่าบูชาและรับบูชาได้ที่ร้าน 7-Eleven หรือ ที่ http://www.amuletat7.com/หลวงพ่อโสธร/รุ่นเบญจนวมงคล

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

พกของขลัง หวังซิวเหรียญ

นอกจากฝึกซ้อมอยากสุดชีวิตและเตรียมความฟิตให้พร้อมเกินร้อยแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องของ สภาพจิตใจ นั้นเอง ในศึกโอลิมปิก 2012 นี้ ทัพนักกีฬาไทยต่างมีวิธีการเสริมสร้างความมั่นใจ แบบพิเศษของตนเอง ต่างๆ นานา

สำหรับทีมกำปั้นไทบ 3 ราย เริ่มจาก สายลม อาดี ในรุ่น 60 กก. เผยว่า นำชายผ้าถุงของแม่ ติดตัวมาและจะพกขึ้นสังเวียนด้วย "ผมนำชายผ้าถุงที่แม่ให้ติดตัวมาด้วย โดยจะมัดไว้ที่หมัดในการขึ้นชกแต่ละครั้ง ซึ่งช่วยให้ผมมั่นใจมากขึ้น"

ด้าน แก้ว พงษ์ประยูร รุ่น 49 กก. เผยว่า ส่วนตัวนับถือหลวงปู่ทวด หลวงพ่อคูณ และ พระซุ้มกอซึ่งห้อยคอเป็นปกติอยู่แล้ว และในครั้งนี้ได้ไหว้รูปสมเด็จพุฒาจารย์(โต พรหมรังษี) ก่อนนอนด้วย

ส่วน ฉัตรชัย บุตรดี รุ่น 52 กก. กล่าวว่า ไม่มีเครื่องรางของขลังเป็นพิเศษ โดยใช้วิธีทำสมาธิ และ สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนเป็นประจำทุกคืน

ขณะที่ ณีนา รุจิราภรณ์ ลิเกิ้น ล่ำซำ สาวน้อยวัย 21 ปี นักกีฬาขี่ม้าประเภทอีเวนติ้งหญิง ซึ่งแม้จะไปเติบโตอยู่ที่ต่างประเทศ แต่คุณแม่สมรมิตต์ ล่ำซำ เผยว่า ลูกสาวไม่เคยลืมวัฒนธรรมไทย พร้อมกับได้สอนให้ไหว้เจ้าที่เจ้าทางในสนามแข่งขันด้วย เพื่อเป็นการขอขมาหากทำสิ่งใดล่วงเกินไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

อีกชนิดกีฬาที่ถูกตั้งความหวังว่าจะมีเหรียญกลับมาเมืองไทยคือ ยกน้ำหนัก ซึ่งจอมพลังไทยทั้ง 7 คนยกทัพบินลัดฟ้าบุกกรุงลอนดอนแล้ว เมื่อวานนี้ โดยบางรายพกพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองนับถือไปด้วย

สิริวิมล ประมงคล รุ่น 48 กก.หญิง มีพระกริ่งสัมฤทธิผล พุทธชยันตี 2,600 ปี วัดยานนาวา เป็นเครื่องรางนำโชค ส่วน พิมศิริ ศิริแก้ว รุ่น 58 กก.หญิง ได้นำพระผงหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี ติดตัวไปเพื่อเพิ่มความมั่นใจ


นอกจากสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของแต่ละรายแล้ว คนไทยทุกคนพร้อมส่งกำลังใจให้นักกีฬาของเราคว้าเหรียญโอลิมปิกกลับมาให้ได้

วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

หลวงพ่อแดง วัดราชสิงขร

จะหาวัดไหว้พระขอพรเพื่อเสริมสิริมงคลในยามว้าวุ่นใจ แนะนำมาที่วัดราชสิงขร ซอยเจริญกรุง 74 เขตบางคอแหลม

สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ช่วงปลายของกรุงศรีอยุธยา แต่กลับไม่มีปรากฏหลักฐานใดๆ เกี่ยวกับผู้สร้าง จึงคาดการณ์ว่าสร้างขึ้นจากการรวมกลุ่มของชาวบ้านที่ต้ิองการศูนย์รวมใจ


จุดเด่นของวัดนี้อยู่ที่องค์พระ "หลวงพ่อแดง" พระพุทธรูปสำริดแกมทองคำ ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 2.10 เมตร สูง 2.90 เมตร ผสมผสานศิลปะแบบอยุธยาและสุโขทัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างงดงาม จนทำให้มีการขนานนามว่า หลวงพ่อพระพุทธสุโขทัย ในเวลาต่อมา


สาเหตุที่เรียกว่าหลวงพ่อแดง เพราะขณะชะละลงมาจากอยุธยาทางแม่น้ำ เกิดกระแสน้ำเชี่ยวกรากจนทำให้แพเสียหลักและแตกลง ทำให้หลวงพ่อแดงจมอยู่ฝั่งตรงข้ามวัด ไม่สามารถขุดขึ้นมาได้ จนถึงหน้าแล้ง น้ำลด จึงเอาหลวงพ่อขึ้นจากน้ำ แต่ปรากฏว่าเมื่อนำตะไคร้น้ำออกแล้ว เกิดสนิมแดงจับทั่วองค์ เลยถูกเรียกว่า หลวงพ่อแดง แต่บัดนั้นเป็นต้นมา ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธาพระพุทธรูปองค์นี้มาก โดยเฉพาะความเชื่อเรื่องการบนบานสานกล่าวแล้ว มักได้สมปรารถนาเสมอ

วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

พระเกจิ นั่งปรก กับ พิธีพุทธาภิเษก

คำว่า "ปรก" และ "นั่งปรก" 2 คำนี้เป็นคำที่คนในแวดวงสร้างพระ และผู้เช่าหาวัตถุมงคลได้ยินทุกครั้งเมื่อมีการจัดสร้างวัตถุมงคล ส่วนคำว่า "ปางนาคปรก" เป็นชื่อเรียกพระพุทธรูปลักษณะนั่งสมาธิ และมีพญานาคแผ่หัวเป็นพังพานขึ้นจากไหล่ไปปรกพระเศียรของพระพุทธรูป แต่เดิมทำเป็นรูปพญานาคเป็นมนุษย์ มีรูปงู ๗ หัว เป็นพังพานขึ้นจากไหล่ไปปรกพระเศียร ในกิริยาที่พญานาคทำท่านมัสการพระพุทธเจ้า ต่อมาภายหลังทำพญานาคเป็นรูปงูขดตัวเป็นฐานตั้งพระพุทธรูปนั่งสมาธิบนตัวพญานาค และมีพังพานและหัวของพญานาค ๗ เศียรปรกอยู่

อย่างไรก็ตามพระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙) ราชบัณฑิต และเจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม ได้ให้ความหมายของคำว่า "ปรก" ในคำไทยหมายถึง ปก ปิด คลุม เช่น พระนาคปรก ผมปรกหน้า

ปรก ในคำวัด หมายถึง ซุ้มเล็กๆ ที่พระสงฆ์อาศัยในเวลาอยู่ปริวาส พอปกคลุมป้องกันแดดฝนได้ชั่วคราว ทั่วไปก็มุงด้วยใบไม้ หญ้าคา ใบมะพร้าว เป็นต้น เรียกการอยู่ในซุ้มนี้ว่า อยู่ปรก

นอกจากนี้ ปรก ยังใช้เรียกการนั่งเจริญจิตภาวนาในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลต่างๆ เช่น พิธีพุทธาภิเษกของพระสงฆ์ผู้ทรงวิทยาคุณ หรือเกจิอาจารย์ว่า นั่งปรก และเรียกพระสงฆ์ผู้เข้าพิธีนั้นว่า คณะปรก

พระเกจิคณาจารย์ดัง นั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก ณ พระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพมหานคร เมื่อวันวันอังคารที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๕ ในพิธีมหาพุทธาภิเษกพระกริ่ง “รุ่น ๑๕๕ ปี”

ส่วนการนั่งปรก คือ พระสงฆ์นั่งสวดมนต์ภาวนาปลุกเสกอธิษฐานจิต เพื่อสร้างพระ วัตถุมงคลต่างๆ เพื่อความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ โดยปกติจะมี ๔ ทิศ โดยรอบบริเวณพิธี มีสายสิญจน์โยงไว้โดยรอบ ถ้าต้องการละเอียดถูกต้องจริงๆ ขอให้ศึกษาค้นคว้าสอบถามข้อมูลทางพราหมณ์เพิ่มเติมด้วย

บทความจาก http://www.komchadluek.net

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วัดนาคกลางวรวิหาร

วัดนาคกลางวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เป็นวัดโบราณมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย มีถาวรวัตถุที่สำคัญต่างๆ มากมาย อาทิเช่น พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด หลวงพ่อพระพุทธประสิทธิ์ เป็นประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ลงรักปิดทอง ปางสมาธิ หน้าตัก 71 นิ้ว สูง 108 นิ้ว หลวงพ่อโคนสมอมหาลาภ เป็นพระพุทธรูปปางฉันสมอ หรือปางถือสมอ นั่งขัดสมาธิเพชร ปางมารววิชัย ห่มจีวรคล้ายทางจีนและทิเบต พระเกศเป็นแบบบัวตูม พระหัตถ์ซ้ายทรงผลสมอ (ผลสมอเป็นผลไม้ที่ทรงพระบรมพุทธานุญาติให้พระภิกษุฉันได้ตลอด เพราะเป็นเภสัชขนานเอก) หล่อด้วยโลหะ หน้าตัก 29 นิ้ว สูง 47 นิ้ว นัยว่าลอยน้ำมาจากทิศเหนือ ถูกอัญเชิญขึ้นประดิษฐาน ณ วัดนาคกลางวรวิหาร หลายร้อยปีแล้ว



ในปีมะโรง พ.ศ. 2555 นี้ ทางวัดนาคกลางวรวิหาร ได้ประกอบพิธีเททองหล่อหลวงปู่ทวด และ ได้จัดสร้างวัตถุมงคล หลวงปู่ทวด สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พญานาคราชประทานทรัพย์ โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
  1. เพื่อสมทบทุนในการเททองหล่อหลวงปู่ทวด 
  2. เพื่อรวบรวมทุนในการบูรณะศาลาปฏิบัติธรรม 
  3. เพื่อสมทบทุนในการเททองหล่อพระบรมรูปสมเจพระเจ้าตากสินมหาราช 
ดังนั้นจึงสมควรอย่างยิ่งที่จะบูชาวัตถุมงคล วัดนาคกลางวรวิหาร ซึ่งคำว่า นาค อันหมายถึง พญานาค และ มังกรทอง บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ เพื่อเป็นการแก้ปีชง สะเดาะเคราะห์ ต่ออายุ เสริมดวงชะตาชีวิต จะได้โชคลาภดี ไม่มีอดอยาก ไม่ยาก ไม่จน ร่ำรวยเงินทอง บุญตามรักษา เทวดาตามคุ้มครองตลอดกาล ร่วมบุญได้ที่ วัดนาคกลางวรวิหาร ซอยอิสรภาพ 42 แขวง วัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ 10605 โทร. 0-24650950 , 0-816203556
 

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วัตถุมงคล “รุ่นมงคล๙” เกจิดัง พ่อท่านแสง วัดศิลาลอย

นับเป็นวัตถุมงคลที่กำลังแรงเพราะไม่เคยจัดสร้างที่ไหนมาก่อน ครั้งแรกแห่งประวัติศาสตร์การสร้าง สุดยอดวัตถุมงคลของพระเกจิดังแดนใต้ “พ่อท่านแสง อาภาธโร” รุ่นมงคล ๙ วัดศิลาลอย อ.สทิงพระ จ.สงขลา ปัจจุบันสิริอายุ 91 ปี เป็นหนึ่งในตำนานผู้สร้างหลวงพ่อทวดรุ่นแรกปี 06 วัดพะโคะ อันลือลั่น

ตามประวัติ วัดศิลาลอยตั้งอยู่เลขที่ 16 หมู่ที่ 4 บ้านวัดเกาะ ต.ชุมพล อ.สทิงพระ จ.สงขลา 90190 สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ 10 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวา วัดศิลาลอยได้สร้างขึ้นเป็นวัดเมื่อประมาณ พ.ศ. 1300 สมัยพระเจ้าดูมัญญราช แห่งอาณาจักรหริภุญชัย

เดิมมีนามว่าวัดยางงาม ต่อมามีพระพุทธรูปสร้างด้วยหินปางมารวิชัยหน้าตักกว้าง 60 นิ้ว ถูกคลื่นซัดขึ้นมาจากทะเลอ่าวไทย ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่มาจากเกาะกระ ชาวบ้าน และคณะศรัทธาต่างเตรียมอาราธนาอัญเชิญท่านเพื่อไปประดิษฐานที่วัดดีหลวง ก็เกิดเหตุการณ์ให้ประจักษ์แก่สายตาชาวบ้าน เชือกขนาดใหญ่ที่ใช้ในการลากเกิดขาดขึ้นมาหลายครั้งหลายครา และเมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น ชาวบ้านก็พร้อมใจกันอาราธนาอัญเชิญท่านเพื่อนไปประดิษฐานที่วัดนางเหล้าซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันก็เกิดเหตุการณ์เฉกเช่นเดียวกันอยู่หลายครา เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว คณะศรัธา และชาวบ้านจึงบอกกล่าวอาราธนาอัญเชิญท่านเพื่อมาประดิษฐานยังวัดยางงาม เป็นเหตุอัศจรรย์หรือความบังเอิญก็สุดคาดเดาการอัญเชิญท่านมาวัดยางงามไร้ซึ่งอุปสรรคใดๆ เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจแก่ชาวบ้านยิ่งนัก และชาวบ้านได้เรียกนามวัดใหม่ว่า “วัดกระ” ตามที่มาของพระพุทธรูปศิลาที่ท่านมาจากเกาะกระ

ครั้งต่อมาวัดกระได้ว่างเว้นพระสงฆ์จำพรรษากลายเป็นวัดร้างไปในที่สุด จนถึงปี พ.ศ.2462 ชาวบ้านวัดกระ ได้เดินทางไปนิมนต์ พระดำ ติสสโร วัดดีหลวง ให้มาปกครองวัด และท่านก็ได้รับนิมนต์เดินทางมาจำพรรษาที่วัดกระ ท่านได้ทำการบูรณะพัฒนาวัดพร้อมกับได้บูรณะพระพุทธรูปศิลา และถวายนามว่า “พระศิลาลอย” จึงได้เปลี่ยนนามวัดเป็น “วัดศิลาลอย” ตั้งแต่นั้นมา

จากหลักฐานบันทึกการสร้างหลวงพ่อทวดรุ่นแรกปี 06 วัดพะโคะ จ.สงขลา เมื่อครั้งนั้น พ่อท่านแสง อาภาธโร วัดศิลาลอย อ.สทิงพระ จ.สงขลา เป็นองค์ดำเนินการด้านพิธีกรรม ตลอดถึงมวลสารต่างๆ ด้านว่านยา อย่างเอกอุ ท่านมีความพิถีพิถันในเรื่องพิธีกรรม และเคร่งครัดห้ามมิให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาข้องแวะโดยเด็ดขาด หากมีความจำเป็นต้องมีผู่ร่วมประกอบพิธีกรรม นจะต้องให้ถือศีลปฏิบัติตนให้บริสุทธิ์ตลอดระยะเวลาที่ประกอบพิธีกรรม ท่านทุ่มเทตั้งใจสร้างหลวงพ่อทวดอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ด้วยมวลสารชั้นครู ประกอบพิธีกรรมตำราบูรพาจารย์



ท่านพ่อแสง” ท่านทุ่มเทกำลังแรงกาย แรงใจ และองค์ความรู้ แรงครูในการสร้างสุดยอดวัตถุมงคลหลวงพ่อทวดอย่างสุดความสามารถ มีประสบการณ์มากมายเป็นที่ประจักษ์ชัด ครอบจักรวาลทั้งด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย และโชคลาภ วัตถุมงคลรุ่นมงคล ๙ ของพระครูโอภาสธรรมรักษ์ หรือพ่อท่านแสง ผ่านพิธีพุทธาภิเษกมากถึง 6 วาระด้วยกัน
  • วาระที่ 1 เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2555 พ่อท่านแสงอธิฐานจิตปลุกเสก ณ กุฏิวัดศาลาลอย จ.สงขลา 
  • วาระที่ 2 วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2555 พ่อท่านแสง อธิษฐานจิปลุกเสก ณ วิหารพระศิลาลาย อายุเก่าแก่ กว่า 100 ปี วัดศิลาลอย 
  • วาระที่ 3 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555 พ่อท่านแสงอธิฐานจิตปลุกเสก ณ สถูปหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี 
  • วาระที่ 4 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555 พ่อท่านแสง, พ่อท่านพรหม ร่วมอธิฐานจิตปลุกเสก ณ กุฏิหลวงพ่อพรหม วัดพลานุภาพ จ.ปัตตานี 
  • วาระที่ 5 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555 พ่อท่านแสง, พ่อท่านเขียว ร่วมอธิฐานจิตปลุกเสก ณ กุฏิพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี 
  • วาระที่ 6 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 พ่อท่านแสงอธิฐานจิตปลุกเสก ณ อุโบสถวัดศิลาลอยนานถึง 9 ชั่วโมง และครั้งนี้เป็นการเปิดอุโบสถเพื่อปลุกเสกเป็นครั้งแรก
วัตถุมงคลที่จัดสร้างประกอบด้วย เหรียญหลวงพ่อท่านแสงรุ่นแรก พิมพ์ทรงรูปไข่, เหรียญเสมาหน้าเลื่อนสมณศักดิ์ (หลวงพ่อทวด-พ่อท่านแสง รุ่นแรก) เหรียญพ่อท่านแสงรุ่นแรกพิมพ์เสมา รวมไปถึงชุดกรรมการพิเศษมงคล ๙ และชุดกรรมการมหาสิทธิโชค สนใจร่วมบุญบูชาได้ที่ เซเว่น-อีเลฟเว่น หรือโทร.02-711-7600 (ตลอด 24 ชั่วโมง) หรือเข้าไปที่ www.7catalog.com หรือ www.AmuletAt7.com ตำแหน่งชั้นวาง หนังสือ Catalog ชั้นที่ 2

บทความจาก : เอกคัมภีร์ ปีที่ 5 ฉบับที่ 59 ประจำเดือนมิถุนายน 2555 www.eakkampee.com

วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เปิดตำนาน พระปิดตาโคตรเศรษฐี

     เมืองนนท์ ไม่มีจน คนแก่คนเฒ่าเล่าให้ลูกหลานฟังพร้อมหยิบก้อนแร่เล็ก ๆ เงา ๆ ใส่มือลูกหลาน สั่งกำชับว่าเก็บไว้ให้ดีนี่แหละแร่โคตรเศรษฐี ลูกหลานก็เก็บก้อนแร่นี้ในกระเป๋าสตางค์ แล้วก็ไม่จนตามคำที่ปู่ย่าตาทวดท่านบอกไว้จริง ๆ ทำมาหากินอะไรก็เจริญรุ่งเรืองดี ปลูกผักปลูกหญ้าได้ผลงอกงาม

ทางสามแพร่งแยกของแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าเมืองนนท์เป็นแหล่งกำเนิดของแร่ที่ศักดิ์สิทธิ์ ๓ แร่ ได้ความว่า “แร่บางไผ่หลวงปู่จันทร์ แร่เศรษฐี แร่กายสิทธิ์ หลวงพ่อเกิด” แร่บางไผ่หลวงปู่จันทร์ วัดโมลีไม่ต้องพูดถึงเหนียวสุด ๆ แมลงวันไม่ได้กินเลือด แร่บางเดื่อ (กายสิทธิ์) หลวงพ่อเกิดแคล้วคลาดศัตรูไม่มีทางเห็นตัว แร่วิเศษเมืองนนท์ มีค่าขนาดสร้างพระปิดตาเป็นล้าน ๆ ได้ แร่เศรษฐีที่ว่า คือแร่บางม่วง ผุดกลางแม่น้ำท้องคลอง ผู้ที่สร้างหุงถลุงแร่องค์ต้นคือ หลวงพ่อดิษฐ์ วัดบางม่วง (องค์สมเด็จพระสมณเจ้าฯ ทรงเปลี่ยนนามเป็นวัดอัมพวัน เดี๋ยวนี้จึงใช้คำว่าวัดอัมพวันสืบมา) หลวงพ่อดิษฐ์สร้างพระปิดตาด้วยแร่บางม่วง ใครได้ใครใช้เป็นเศรษฐีทุกคน ริมคลองบางกอกน้อย สมัยนั้นหาคนที่ได้ปิดตาแร่บางม่วง หลวงพ่อดิษฐ์ ไปแล้ว “จน” ไม่เคยเจอ




แร่คลองบางม่วงนี้ถูกยกย่องให้เป็นแร่เศรษฐี และเมื่อเห็นผลชัดเจนมากขึ้นใครได้ไปรวย จึงถูกยกย่องเชิดชูให้เด่นดังต่อไปว่า “แร่โคตรเศรษฐี” หลวงพ่อดิษฐ์สอนหลวงปู่ทองย้อยศิษย์รักไว้มากมายพร้อมทั้งทิ้งแร่เศรษฐีให้หลวงปู่ทองย้อยไม่น้อย ตอนที่มีแร่เยอะ ท่านไม่ห่วงเลยใครมาขอท่านแจกดะ ใครได้ไปเอาไปเลี่ยมแล้วรวยดีจัง…??? แจกใกล้หมด จึงคิดว่าสร้างพระปิดตายันต์ยุ่งลงหัวใจเศรษฐี สืบอายุพระพุทธศาสนาด้วย ช่วยบูชาครูพระปิดตาหลวงพ่อดิษฐ์อีกองค์ พระปิดตาหลวงปู่ทองย้อยทุกรุ่นดังระเบิด เพราะเกิดเศรษฐีใหม่มากมาย ไปถามเถอะเศรษฐีบ้านจัดสรร เศรษฐีใหม่ พกพระปิดตาหลวงปู่ทองย้อยทั้งน้าน ทำพิธีปักเทียนเบิกบายศรีกระทงข้าวดอก ถั่วงา ดอกไม้บอกกล่าวครูบาอาจารย์ และเทวดาที่รักษาแร่วิเศษนี้ในวันอังคาร ๒๗ ขึ้น ๕ ค่ำ ปี ๒๕๕๕ ฤคเวทภูมิโลฤกษ์ เป็นปฐม

ปิดตายันต์ยุ่ง “แร่โคตรเศรษฐี” เพราะใช้แล้วรวยมาก หรือแร่เศรษฐี เพราะใช้แล้วเป็นเศรษฐีมีทรัพย์ทุกคนไป หรือแร่บางม่วงเพราะชื่อคลองก็เรียกได้ นี้บ่งบอกอยู่แล้วว่าเป็นแร่วิเศษหรือแร่กายสิทธิ์ ที่รู้และใช้กันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ ว่าใครมีใครใช้จะร่ำรวยมาก เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี มีสตางค์เยอะ จับอะไรเป็นเงินเป็นทองไปหมด ทำมาหากิน ทำบริษัท ห้างร้าน ค้าขาย ก็จะ มีลูกค้ามาอุดหนุนมากล้น บางท่านที่หาช่องทางร่ำรวยทางลัด เล่นหวย รวยโป การพนันขันต่อก็จะได้โชคได้ลาภทางนี้ หลวงปู่ทองย้อย ท่านเตือนสติ “เงินทางพนันมันกินไม่นาน ให้ประกอบสัมมาอาชีพซะจะเจริญรุ่งเรืองดี ใครรวยแล้วเป็นเศรษฐีให้หมั่นไว้พระทำบุญประกอบการกุศล ศีลธรรมให้มั่นคงประจำใจ จะทำให้รวยยืนนานและจะรวยมากขึ้น เป็น โคตรเศรษฐีได้ไม่ยากเลย… พระปิดตาผูกยันต์ “หัวใจเศรษฐีเดินเส้นขนมจีนไว้ด้านหลัง”

วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ร่วมฉลองพุทธศาสนา 2,600 ปี วัดต้นโพธิ์ ศรีมหาโพธิ์


วันวิสาขบูชา ถือเป็นวันสำคัญของชาวพุทธทุกนิกายทั่วโลก แล้วยังเป็นปีฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าอีกด้วย ที่พระพุทธศาสนาได้กำเนิดขึ้นมา มีหลายที่หลายแห่งในประเทศไทยจัดงานรำลึกเฉลิมฉลองยิ่งขึ้น แต่มีที่หนึ่งที่เกี่ยวข้องเพราะว่ากันว่าต้นโพธิ์ของที่นี่เป็นหน่อที่มาจากต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าได้ประทับเป็นที่ตรัสรู้จริง ๆ ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย สถานที่แห่งนี้คือ วัดโพธิ์ศรีมหาโพธิ์ ต.โคกไทย อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี

วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ์ เป็นวัดที่มีความสำคัญของ จ.ปราจีนบุรี เพราะต้นศรีมหาโพธิ์ต้นสูงใหญ่และกว้างรอบวงลำต้นวัดได้ราว 25 ม. สูงราว 30 ม. ความใหญ่ของลำต้นนั้นยังไม่เทียบเท่าประวัติที่เล่าต่อ ๆ กันมาคือ เชื่อกันว่าเป็นต้นโพธิ์ที่มาจากหน่อจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้จากพุทธคยาประเทศอินเดีย เป็นต้นโพธิ์ต้นแรกของเมืองไทย มีอายุกว่า 2,000 ปี ต้นโพธิ์นี้มีขนาดเส้นรอบวงของลำต้น 20 ม. สูง 30 ม. มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 ม.


ต้นโพธิ์นั้นถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนา แล้วยิ่งหากได้มีการกราบไหว้ต้นโพธิ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการตรัสรู้นั้น ก็ถือเสมือนว่าได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยตัวเอง สำหรับบริเวณใต้ต้นโพธิ์นั้นยังประดิษฐานพระพุทธรูปเป็นพระประธาน เมื่อประกอบเข้ากับร่มเงาของต้นโพธิ์ที่แผ่ขยายกิ่งก้านสาขาจนดูเป็นสถานที่ที่ทรงทั้งความสงบและขรึมขลัง

สำหรับกิจกรรมที่ชาวปราจีนบุรีจัดเพื่อร่วมเฉลิมฉลองพุทธชยันตีนั้น สำหรับที่วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ การอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติจัดให้มีการอุปสมบทหมู่จำนวน 85 รูป การบวชเนกขัมมะ พุทธศาสนิกชนร่วมบวชเนกขัมมะจำนวน 900 คน การปลูกต้นตาลพระราชทาน ซึ่งต้นตาลมีความเกี่ยวข้องในพระพุทธศาสนาและเป็นสัญลักษณ์ของงานฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี การถวายผ้าป่ามหากุศล เป็นการจัดตั้งองค์ผ้าป่า 7 อำเภอ ด้านวิชาการ กิจกรรมประกอบด้วย การสาธยายพระไตรปิฎก นอกเหนือจากการเฉลิมฉลองส่วนอื่น ๆ ของจังหวัดที่มีทั้งการทำบุญและทำทาน โดยงานจะมีไปนับจากวันนี้ถึงวันที่ 4 มิ.ย.

โดยในวันที่ 4 มิ.ย. นั้น ชาวปราจีนบุรีขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทุกท่าน ร่วมแต่งกายด้วยชุดขาวร่วมพิธีเวียนเทียนรอบต้นโพธิ์ที่นำหน่อมาจากพุทธคยา ณ วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี ด้วย

หรือถ้าหากในช่วงนี้ยังไม่สามารถไปได้ ก็ขอเชิญชวนให้ลองไปเที่ยวดูสักครั้ง เขามีทีมมัคคุเทศก์จิ๋วคอยให้รายละเอียดเรื่องต้นโพธิ์อยู่ด้วย เพราะที่ อ.ศรีมโหสถนี้ยังมีสถานที่น่าท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง เพราะเป็นหนึ่งในโครงการ เล่าเรื่อง เมืองน่ารัก ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่มีเอกชนอย่างบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ พร้อมให้การสนับสนุน จะติดต่อเข้าไปดูการทำกระดาษก็ได้ และมีโรงแรมทวารวดี ระดับ 5 ดาวที่รอต้อนรับ สอบถามข้อมูลเพื่อชมวัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิเพิ่มเติมได้ที่โทร. 037-276-117, 037-276-114 และ 037-312-282

วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อ พ.ศ. 2532 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

พระองค์ได้ทรงบรรพชาเป็นสามเณรเมื่อปี พ.ศ. 2469 ขณะชันษาได้ 14 ปี ภายหลังบรรพชาแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่ วัดเทวสังฆาราม 1 พรรษา จากนั้นได้มาศึกษาพระธรรมวินัยที่วัดเสน่หา จังหวัดนครปฐม กระทั่งชันษาครบอุปสมบท จึงได้เดินทางกลับไปอุปสมบทที่วัดเทวสังฆารามเมื่อพ.ศ. 2476 ภายหลังจึงได้เดินทางเข้ามาจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร เพื่อทรงศึกษาพระธรรมวินัยต่อไป และที่วัดบวรนิเวศวิหารนี่เอง พระองค์ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทซ้ำเป็นธรรมยุติกนิกาย โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์เป็นพระอุปัชฌาย์ ด้านการศึกษา ทรงสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค ในปีพ.ศ. 2484

สังฆราช แปลว่า ราชาของสงฆ์ ราชาของหมู่คณะ หมายถึง พระมหาเถระผู้เป็นใหญ่สูงสุดในสังฆมณฑล เรียกเต็มว่า สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เรียกย่อว่า สมเด็จพระสังฆราช นอกจากนี้ สังฆราช ยังมีอีกความหมายหนึ่งเป็นชื่อตำแหน่งพระมหาเถระผู้ใหญ่สูงสุดเช่นนั้น โดยเรียกว่า ตำแหน่งสังฆราช หรือ ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช

การวางรูปแบบการปกครองคณะสงฆ์ของไทย
แบบแผนการปกครองคณะสงฆ์ของไทย เริ่มจัดวางหลักตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย มีการพัฒนาเพิ่มเติมใน สมัยกรุงศรีอยุธยาและต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ก็ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อยมาตามลำดับ จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ฯ การปกครองคณะสงฆ์ก็ยังจัดโดยมีตำแหน่งเปรียบเทียบดังนี้
  • สกลสังฆปริณายก ได้แก่ สมเด็จพระสังฆราช 
  • มหาสังฆนายก ได้แก่ เจ้าคณะใหญ่ 
  • สังฆนายก ได้แก่ เจ้าคณะรอง 
  • มหาสังฆปาโมกข์ ได้แก่ เจ้าคณะมณฑล 
  • สังฆปาโมกข์ ได้แก่ เจ้าคณะจังหวัดที่เป็นพระราชาคณะ 
  • สังฆวาห ได้แก่ เจ้าคณะจังหวัดที่เป็นพระครู

ข่าวสารพระสังฆราช



สมเด็จพระสังฆราช” ประทานพระโอวาทวิสาขบูชา 2555 ทรงแนะคนไทยปฏิบัติให้ถึงแก่นพระพุทธศาสนา ศีล สมาธิ ปัญญา ถือว่าได้ร่วมเฉลิมฉลอง 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ ด้านรัฐบาลจัดพุทธชยันตียิ่งใหญ่ ชวนคนไทยร่วมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาทั่วประเทศ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง-พระราชินี

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระโอวาทวันวิสาขบูชา 2555 ความว่า วันวิสาขบูชา อันเป็นอภิลักขิตกาลสำคัญในพระพุทธศาสนาได้เวียนมาถึงอีกวาระหนึ่ง ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 4 มิถุนายน พุทธศักราช 2555 และสำหรับในปีนี้ นับเป็นอภิลักขิตกาลพิเศษ คือ เป็นที่ครบ 26 พุทธศตวรรษ หรือ 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า หรือ 2,600 ปีแห่งการอุบัติขึ้นของพระพุทธศาสนา

พระพุทธศาสนา คือ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้น เมื่อกล่าวโดยย่นย่อ ก็คือ สอนให้รู้ถึงความจริงของชีวิต คือ เรื่องทุกข์อันเป็นธรรมชาติของชีวิต และความดับทุกข์ อันเป็นเป้าหมายหรือผลอันพึงประสงค์ของชีวิต เมื่อกล่าวโดยหลักกว้างๆ ก็คือ สอนให้เว้นชั่ว ทำดี ทำจิตใจของตนให้บริสุทธิ์ และเมื่อกล่าวโดยหลักปฏิบัติ ก็คือ สอนให้ปฏิบัติในศีล ปฏิบัติในสมาธิ ปฏิบัติในปัญญา ทั้งนี้ ก็เพื่อผลคือประโยชน์สุขของพหูชน หรือเพื่อประโยชน์สุขของชาวโลกทั้งมวล

ฉะนั้น เนื่องในอภิลักขิตกาลครบ 26 ศตวรรษแห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งได้มีการเฉลิมฉลองกันทั่วไป จึงใคร่ขอเชิญชวนให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้รำลึกถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ที่ได้ทรงพระกรุณาสั่งสอนไว้ดังกล่าวข้างต้น น้อมนำเข้ามาศึกษาและปฏิบัติกันอย่างจริงจัง พร้อมทั้งแนะนำเผยแผ่ไปยังชาวโลกให้กว้างขวางยิ่งๆ ขึ้น เพื่อศานติสุขของมวลมนุษยชาติตลอดไป ก็จะได้ชื่อว่าได้ร่วมกันเฉลิมฉลอง 26 ศตวรรษแห่งพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและบุญกุศล อำนวยให้ทุกท่านเจริญด้วยสุขสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลตลอดไปโดยทั่วกัน

ที่มา :
Wikipedia
Manager.co.th

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

หลวงพ่อสาคร ศิษย์เอกหลวงปู่ทิม

หลวงพ่อสาคร มนุญโญ วัดหนองกรับ จ.ระยอง หรือ พระครูมนูญธรรมวัตร ศิษย์เอกผู้สืบทอดพุทธาคมจากหลวงปู่ทิม อิสริโก หลวงพ่อสาครเป็นผู้ฝักใฝ่ในด้านเวทย์มนต์คาถาอาคม และวิชาแพทย์แผนโบราณมาตั้งแต่เด็กๆ นามเดิมว่า สาคร ไพสาลี


หลวงพ่อสาคร เจิมวัตถุมงคล พระยอดขุนพลบ้านค่าย

หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมจากบรรดาเกจิอาจารย์ต่างๆอีกหลายองค์ อาทิ

  1. ได้เดินทางไปศึกษากับอาจารย์เชียงคำ ที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า
  2. ศึกษากับอาจารย์สิน วัดนาวัง อ.บางละมุง ชลบุรี
  3. เดินทางไปศึกษากับอาจารย์สุพจน์ ที่ประเทศเขมร
  4. ศึกษากับพระอาจารย์สุมล คำเสียง ที่จังหวัดศรีษะเกษ
  5. ศึกษากับหลวงพ่อบุญเย็น วัดแจ้งนอก จ.นครราชสีมา
  6. ศึกษากับหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา
  7. ศึกษากับหลวงพ่ออาคม วัดดาวนิมิตร จ.เพชรบูรณ์
  8. ศึกษากับหลวงพ่อบึม วัดปราสาทกิน จ.ปราจีนบุรี
หลวงพ่อสาคร ยังได้ศึกษากับพระเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญทางด้านไสยเวทย์ต่างๆอีกหลายท่านทั้งพระภิกษุและฆราวาส ในปีพ.ศ. 2508 พระครูเกลี้ยงธรรมถีโยเจ้าอาวาส ลำดับที่ 9 วัดหนองกรับได้มรณภาพลง ชาวบ้านหนองกรับได้เดินทางไปหา หลวงปู่ทิม ที่วัดละหารไร่เพื่ออาราธนาหลวงพ่อสาคร มนูญโญ ให้กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองกรับ หลวงปู่ทิมได้อนุญาต หลวงพ่อสาคร จึงมาเป็นเจ้าอาวาส วัดหนองกรับ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาถึงแม้ว่า หลวงพ่อสาคร ท่านจะมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองกรับก็มิได้ทอดทิ้ง หลวงปู่ทิม ผู้เป็นอาจารย์ยังคงเดินทางไปกราบนมัสการดูแลหลวงปู่อยู่เสมอจนกระทั่งหลวงปู่ทิมได้มรณภาพลง ในปี 2518 หลวงพ่อสาคร ก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ในการจัดบำเพ็ญกุศลศพ หลวงปู่ทิม อย่างเต็มที่สมกับที่เป็นศิษย์ก้นกุฏิอย่างแท้จริง จนบรรดาลูกศิษย์ลูกหาอื่นๆของหลวงปู่ทิมกล่าวยกย่องชมเชย หลวงพ่อสาคร กันทั่ว

หลวงพ่อสาครนอกจาก จะสนใจศึกษาวิชาอาคมต่างๆแล้วท่านก็มิได้ทอดทิ้งในด้านการศึกษาพระธรรมวินัย และเมื่อรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหนองกรับซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 200ปีและเคยถูกไฟไหม้เผากุฏิเสนา สงฆ์จนวอดวายท่านก็มิได้ดูดายเมื่อมาเป็นเจ้าอาวาสก็ได้บูรณะและสร้างเสนาสนะใหม่ขึ้นมาเพื่อให้ภิกษุสงฆ์ สามเณรและพุทธศาสนิกชนได้ใช้ปฏิบัติศาสนกิจต่อไปด้วย

วัตถุมงคล หลวงพ่อสาครที่เป็นที่สนใจก็ได้แก่ พระยอดขุนพลบ้านค่าย, ตะกรุดมหาโจร, ขุนแผนผงพราย, เหรียญเสมาครบ 6 รอบ เป็นต้น

หลวงพ่อสาคร ยอดขุนพลบ้านค่าย เนื้อสำริด


วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วัดปทุมคงคา

วัดปทุมคงคาราชวรวิหาร หรือ วัดสำเพ็ง เขตสัมพันธวงศ์ เป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในสมัยรัชกาลที่ 1 ทรงดำริให้ซ่องแซมใหม่ทั้งวัด เนื่องจากขณะนั้นวัดชำรุดทรุดโทรมมาก วัดแห่งนี้ยังมีหลักฐานปรากฏในพระราชพงศาวดารสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าเป็นสถานที่ประหารนักโทษในช่วงต้นๆ กรุงรัตนโกสินทร์ กล่าวได้ว่าวัดปทุมคงคาฯ เป็นที่แรกใน กรุงเทพมหานครที่เป็นลานประหารชีวิต


ปัจจุบันมีแท่นหินประการกบฏ ซึ่งใช้สำเร็จโทษพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไกรสร กรมหลวงรักษ์รณเรศด้วยท่อนจันทน์ เมื่อปี 2391 เพราะถูกหาว่าเป็นกบฏบ้านเมือง หลังหมดยุครัชกาลที่ 3 วัดปทุมคงคาฯ เริ่มพ้นจากวังเวง รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้พระยาพิศาลศุภผลลงมือบูรณะใหม่ทั้งวัด ยกพระพุทธรูปในอุโบสถให้สูงขึ้น สร้างเป็นพระทรงเครื่องต้นอย่างกษัตริย์ ที่พระนลาฏฝังเพชรแล้วต่อชุกชีออกมาทำเป็นเทวรูปถือพุ่มฉัตรดอกไม้เงิน เพราะวัดนี้เป็นวัดของสมเด็จกรมพระราชวังบวรสุรมหาสิงหนาทสร้างถวายสมเด็จพระบรมไนยิกาธิราชเจ้า

พระพุทธมหาชนก
ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธมหาชนก พระนามพระราชทานจากรัชกาลที่ 9 ทั้งยังมีพระเจดีย์โบราณ พระวิหารคด พระพุทธบาทจำลอง พระปรางค์ 8 องค์ และมีภาพเขียนฝาผนังผีมือช่างชุดเดียวกับที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ

"พระพุทธมหาชนก" เป็นพระพุทธรูปประธาน ที่มีชาวบ้านในย่านสำเพ็งและเยาวราช เข้ามากราบนมัสการเพื่อความเป็นสิริมงคลอยู่เป็นประจำ โดยพระพุทธมหาชนก เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่อง ขัดสมาธิราบ วัสดุโลหะลงรักปิดทอง หน้าตักกว้าง 2.2 เมตร ส่วนสูงถึงยอดพระเกตุมาลา 3 เมตร

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สืบสานตำนาน พระกริ่งน้ำท่วม

สืบสานตำนาน'พระกริ่งน้ำท่วม' 'พระอาจารย์ติ๋ว' วัดมณีชลขัณฑ์ เมื่อปี ๒๔๘๕ ได้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ขึ้นที่เมืองหลวง ด้วยน้ำเหนือที่ไหลบ่ามามาก ประกอบกับภาวะน้ำทะเลหนุน ทำให้ใจกลางของกรุงเทพฯ ต้องจมน้ำไปโดยปริยาย ถึงขนาดพายเรือเล่นกันกลางลานพระรูปกันเลยทีเดียว

ในช่วงนั้น ท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์) วัดสุทัศนฯได้จัดสร้างพระกริ่งขึ้นมารุ่นหนึ่ง เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม โดยมี สมเด็จพระสังฆราช (แพ) เป็นประธานในพิธีเททองและปลุกเสกพระกริ่ง ด้วยหวังว่า พุทธคุณของพระกริ่งที่จัดสร้างในครั้งนั้น คงช่วยบรรเทาทุกข์โศกโรคภัยหลังน้ำลดไปบ้าง

ในวันทำพิธี น้ำยังท่วมไม่ถึงบริเวณที่ทำพิธี แต่หลังจากทำพิธีเสร็จสิ้นน้ำก็ท่วมหมดทั่ววัด พระกริ่งที่จัดสร้างจึงถูกขนานนามว่า "พระกริ่งน้ำท่วม"

ภาพจาก คมชัดลึก

ต่อมาเมื่อปี ๒๕๕๔ "น้องน้ำ" ได้มาเยือนกรุงเทพฯ อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ท่วมหนักกว่าเดิม ความเดือดร้อนกินเนื้อที่หลายจังหวัด เป็นเวลานานนับเดือน ชาวบ้านบางคนถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัวไปเลยก็มี พอน้ำลดแห้งหายไปโรคภัยไข้เจ็บที่มากับน้ำก็มาก รุมเร้าทั้งกายใจไปทั่วแห่งหน

ด้วยเหตุนี้ พระครูวิมลญาณอุดม (พระอาจารย์ติ๋ว) วัดมณีชลขัณฑ์ อ.เมือง จ.ลพบุรี ผู้มีความรอบรู้ในด้านวิทยาคม และได้ศึกษาตำราการสร้างพระกริ่งมาอย่างแตกฉาน เห็นว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ต่างไปจากเมื่อปี ๒๔๘๕ จึงได้สร้าง "พระกริ่งฐิตวฑฺฒโน" ขึ้นเพื่อบรรเทาทุกข์ทั้งทางกายและทางใจให้แก่ผู้ที่ประสบภัย โดยจะนำปัจจัยส่วนหนึ่งช่วยฟื้นฟูผู้ประสบภัยหลังน้ำท่วมอีกด้วย

พุทธคุณของพระกริ่งเด่นในเรื่องรักษาโรค และความเป็นสิริมงคลแก่ผู้บูชาอยู่ในตัว บ้างก็ว่าพุทธคุณพระกริ่งนี้มีครอบจักรวาล หากได้ลองอาราธนาแล้วแช่น้ำไว้ แล้วนำน้ำนั้นมาดื่มมาอาบ โรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่ก็จะทุเลาเบาบางลง แล้วหายไปในท้ายที่สุด หากใครดวงตก ค้าขายไม่ดี ให้นำน้ำที่แช่พระกริ่งนั้นไปอาบกิน ดวงชะตาก็จะดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์

สำหรับ พระกริ่งฐิตวฑฺฒโน รุ่นนี้พระอาจารย์ติ๋วได้จัดสร้างขึ้นตามตำราที่ได้ศึกษามาทุกประการ และยังได้ขอบารมีของ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ประทานพรให้ด้วย เพื่อให้พระกริ่งรุ่นนี้มีความศักดิ์สิทธิ์และเข้มขลังอย่างแท้จริง

ข่าวจาก : คมชัดลึก