วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วัดนาคกลางวรวิหาร

วัดนาคกลางวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เป็นวัดโบราณมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย มีถาวรวัตถุที่สำคัญต่างๆ มากมาย อาทิเช่น พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด หลวงพ่อพระพุทธประสิทธิ์ เป็นประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ลงรักปิดทอง ปางสมาธิ หน้าตัก 71 นิ้ว สูง 108 นิ้ว หลวงพ่อโคนสมอมหาลาภ เป็นพระพุทธรูปปางฉันสมอ หรือปางถือสมอ นั่งขัดสมาธิเพชร ปางมารววิชัย ห่มจีวรคล้ายทางจีนและทิเบต พระเกศเป็นแบบบัวตูม พระหัตถ์ซ้ายทรงผลสมอ (ผลสมอเป็นผลไม้ที่ทรงพระบรมพุทธานุญาติให้พระภิกษุฉันได้ตลอด เพราะเป็นเภสัชขนานเอก) หล่อด้วยโลหะ หน้าตัก 29 นิ้ว สูง 47 นิ้ว นัยว่าลอยน้ำมาจากทิศเหนือ ถูกอัญเชิญขึ้นประดิษฐาน ณ วัดนาคกลางวรวิหาร หลายร้อยปีแล้ว



ในปีมะโรง พ.ศ. 2555 นี้ ทางวัดนาคกลางวรวิหาร ได้ประกอบพิธีเททองหล่อหลวงปู่ทวด และ ได้จัดสร้างวัตถุมงคล หลวงปู่ทวด สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พญานาคราชประทานทรัพย์ โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
  1. เพื่อสมทบทุนในการเททองหล่อหลวงปู่ทวด 
  2. เพื่อรวบรวมทุนในการบูรณะศาลาปฏิบัติธรรม 
  3. เพื่อสมทบทุนในการเททองหล่อพระบรมรูปสมเจพระเจ้าตากสินมหาราช 
ดังนั้นจึงสมควรอย่างยิ่งที่จะบูชาวัตถุมงคล วัดนาคกลางวรวิหาร ซึ่งคำว่า นาค อันหมายถึง พญานาค และ มังกรทอง บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ เพื่อเป็นการแก้ปีชง สะเดาะเคราะห์ ต่ออายุ เสริมดวงชะตาชีวิต จะได้โชคลาภดี ไม่มีอดอยาก ไม่ยาก ไม่จน ร่ำรวยเงินทอง บุญตามรักษา เทวดาตามคุ้มครองตลอดกาล ร่วมบุญได้ที่ วัดนาคกลางวรวิหาร ซอยอิสรภาพ 42 แขวง วัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ 10605 โทร. 0-24650950 , 0-816203556
 

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วัตถุมงคล “รุ่นมงคล๙” เกจิดัง พ่อท่านแสง วัดศิลาลอย

นับเป็นวัตถุมงคลที่กำลังแรงเพราะไม่เคยจัดสร้างที่ไหนมาก่อน ครั้งแรกแห่งประวัติศาสตร์การสร้าง สุดยอดวัตถุมงคลของพระเกจิดังแดนใต้ “พ่อท่านแสง อาภาธโร” รุ่นมงคล ๙ วัดศิลาลอย อ.สทิงพระ จ.สงขลา ปัจจุบันสิริอายุ 91 ปี เป็นหนึ่งในตำนานผู้สร้างหลวงพ่อทวดรุ่นแรกปี 06 วัดพะโคะ อันลือลั่น

ตามประวัติ วัดศิลาลอยตั้งอยู่เลขที่ 16 หมู่ที่ 4 บ้านวัดเกาะ ต.ชุมพล อ.สทิงพระ จ.สงขลา 90190 สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ 10 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวา วัดศิลาลอยได้สร้างขึ้นเป็นวัดเมื่อประมาณ พ.ศ. 1300 สมัยพระเจ้าดูมัญญราช แห่งอาณาจักรหริภุญชัย

เดิมมีนามว่าวัดยางงาม ต่อมามีพระพุทธรูปสร้างด้วยหินปางมารวิชัยหน้าตักกว้าง 60 นิ้ว ถูกคลื่นซัดขึ้นมาจากทะเลอ่าวไทย ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่มาจากเกาะกระ ชาวบ้าน และคณะศรัทธาต่างเตรียมอาราธนาอัญเชิญท่านเพื่อไปประดิษฐานที่วัดดีหลวง ก็เกิดเหตุการณ์ให้ประจักษ์แก่สายตาชาวบ้าน เชือกขนาดใหญ่ที่ใช้ในการลากเกิดขาดขึ้นมาหลายครั้งหลายครา และเมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น ชาวบ้านก็พร้อมใจกันอาราธนาอัญเชิญท่านเพื่อนไปประดิษฐานที่วัดนางเหล้าซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันก็เกิดเหตุการณ์เฉกเช่นเดียวกันอยู่หลายครา เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว คณะศรัธา และชาวบ้านจึงบอกกล่าวอาราธนาอัญเชิญท่านเพื่อมาประดิษฐานยังวัดยางงาม เป็นเหตุอัศจรรย์หรือความบังเอิญก็สุดคาดเดาการอัญเชิญท่านมาวัดยางงามไร้ซึ่งอุปสรรคใดๆ เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจแก่ชาวบ้านยิ่งนัก และชาวบ้านได้เรียกนามวัดใหม่ว่า “วัดกระ” ตามที่มาของพระพุทธรูปศิลาที่ท่านมาจากเกาะกระ

ครั้งต่อมาวัดกระได้ว่างเว้นพระสงฆ์จำพรรษากลายเป็นวัดร้างไปในที่สุด จนถึงปี พ.ศ.2462 ชาวบ้านวัดกระ ได้เดินทางไปนิมนต์ พระดำ ติสสโร วัดดีหลวง ให้มาปกครองวัด และท่านก็ได้รับนิมนต์เดินทางมาจำพรรษาที่วัดกระ ท่านได้ทำการบูรณะพัฒนาวัดพร้อมกับได้บูรณะพระพุทธรูปศิลา และถวายนามว่า “พระศิลาลอย” จึงได้เปลี่ยนนามวัดเป็น “วัดศิลาลอย” ตั้งแต่นั้นมา

จากหลักฐานบันทึกการสร้างหลวงพ่อทวดรุ่นแรกปี 06 วัดพะโคะ จ.สงขลา เมื่อครั้งนั้น พ่อท่านแสง อาภาธโร วัดศิลาลอย อ.สทิงพระ จ.สงขลา เป็นองค์ดำเนินการด้านพิธีกรรม ตลอดถึงมวลสารต่างๆ ด้านว่านยา อย่างเอกอุ ท่านมีความพิถีพิถันในเรื่องพิธีกรรม และเคร่งครัดห้ามมิให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาข้องแวะโดยเด็ดขาด หากมีความจำเป็นต้องมีผู่ร่วมประกอบพิธีกรรม นจะต้องให้ถือศีลปฏิบัติตนให้บริสุทธิ์ตลอดระยะเวลาที่ประกอบพิธีกรรม ท่านทุ่มเทตั้งใจสร้างหลวงพ่อทวดอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ด้วยมวลสารชั้นครู ประกอบพิธีกรรมตำราบูรพาจารย์



ท่านพ่อแสง” ท่านทุ่มเทกำลังแรงกาย แรงใจ และองค์ความรู้ แรงครูในการสร้างสุดยอดวัตถุมงคลหลวงพ่อทวดอย่างสุดความสามารถ มีประสบการณ์มากมายเป็นที่ประจักษ์ชัด ครอบจักรวาลทั้งด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย และโชคลาภ วัตถุมงคลรุ่นมงคล ๙ ของพระครูโอภาสธรรมรักษ์ หรือพ่อท่านแสง ผ่านพิธีพุทธาภิเษกมากถึง 6 วาระด้วยกัน
  • วาระที่ 1 เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2555 พ่อท่านแสงอธิฐานจิตปลุกเสก ณ กุฏิวัดศาลาลอย จ.สงขลา 
  • วาระที่ 2 วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2555 พ่อท่านแสง อธิษฐานจิปลุกเสก ณ วิหารพระศิลาลาย อายุเก่าแก่ กว่า 100 ปี วัดศิลาลอย 
  • วาระที่ 3 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555 พ่อท่านแสงอธิฐานจิตปลุกเสก ณ สถูปหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี 
  • วาระที่ 4 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555 พ่อท่านแสง, พ่อท่านพรหม ร่วมอธิฐานจิตปลุกเสก ณ กุฏิหลวงพ่อพรหม วัดพลานุภาพ จ.ปัตตานี 
  • วาระที่ 5 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555 พ่อท่านแสง, พ่อท่านเขียว ร่วมอธิฐานจิตปลุกเสก ณ กุฏิพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี 
  • วาระที่ 6 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 พ่อท่านแสงอธิฐานจิตปลุกเสก ณ อุโบสถวัดศิลาลอยนานถึง 9 ชั่วโมง และครั้งนี้เป็นการเปิดอุโบสถเพื่อปลุกเสกเป็นครั้งแรก
วัตถุมงคลที่จัดสร้างประกอบด้วย เหรียญหลวงพ่อท่านแสงรุ่นแรก พิมพ์ทรงรูปไข่, เหรียญเสมาหน้าเลื่อนสมณศักดิ์ (หลวงพ่อทวด-พ่อท่านแสง รุ่นแรก) เหรียญพ่อท่านแสงรุ่นแรกพิมพ์เสมา รวมไปถึงชุดกรรมการพิเศษมงคล ๙ และชุดกรรมการมหาสิทธิโชค สนใจร่วมบุญบูชาได้ที่ เซเว่น-อีเลฟเว่น หรือโทร.02-711-7600 (ตลอด 24 ชั่วโมง) หรือเข้าไปที่ www.7catalog.com หรือ www.AmuletAt7.com ตำแหน่งชั้นวาง หนังสือ Catalog ชั้นที่ 2

บทความจาก : เอกคัมภีร์ ปีที่ 5 ฉบับที่ 59 ประจำเดือนมิถุนายน 2555 www.eakkampee.com

วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เปิดตำนาน พระปิดตาโคตรเศรษฐี

     เมืองนนท์ ไม่มีจน คนแก่คนเฒ่าเล่าให้ลูกหลานฟังพร้อมหยิบก้อนแร่เล็ก ๆ เงา ๆ ใส่มือลูกหลาน สั่งกำชับว่าเก็บไว้ให้ดีนี่แหละแร่โคตรเศรษฐี ลูกหลานก็เก็บก้อนแร่นี้ในกระเป๋าสตางค์ แล้วก็ไม่จนตามคำที่ปู่ย่าตาทวดท่านบอกไว้จริง ๆ ทำมาหากินอะไรก็เจริญรุ่งเรืองดี ปลูกผักปลูกหญ้าได้ผลงอกงาม

ทางสามแพร่งแยกของแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าเมืองนนท์เป็นแหล่งกำเนิดของแร่ที่ศักดิ์สิทธิ์ ๓ แร่ ได้ความว่า “แร่บางไผ่หลวงปู่จันทร์ แร่เศรษฐี แร่กายสิทธิ์ หลวงพ่อเกิด” แร่บางไผ่หลวงปู่จันทร์ วัดโมลีไม่ต้องพูดถึงเหนียวสุด ๆ แมลงวันไม่ได้กินเลือด แร่บางเดื่อ (กายสิทธิ์) หลวงพ่อเกิดแคล้วคลาดศัตรูไม่มีทางเห็นตัว แร่วิเศษเมืองนนท์ มีค่าขนาดสร้างพระปิดตาเป็นล้าน ๆ ได้ แร่เศรษฐีที่ว่า คือแร่บางม่วง ผุดกลางแม่น้ำท้องคลอง ผู้ที่สร้างหุงถลุงแร่องค์ต้นคือ หลวงพ่อดิษฐ์ วัดบางม่วง (องค์สมเด็จพระสมณเจ้าฯ ทรงเปลี่ยนนามเป็นวัดอัมพวัน เดี๋ยวนี้จึงใช้คำว่าวัดอัมพวันสืบมา) หลวงพ่อดิษฐ์สร้างพระปิดตาด้วยแร่บางม่วง ใครได้ใครใช้เป็นเศรษฐีทุกคน ริมคลองบางกอกน้อย สมัยนั้นหาคนที่ได้ปิดตาแร่บางม่วง หลวงพ่อดิษฐ์ ไปแล้ว “จน” ไม่เคยเจอ




แร่คลองบางม่วงนี้ถูกยกย่องให้เป็นแร่เศรษฐี และเมื่อเห็นผลชัดเจนมากขึ้นใครได้ไปรวย จึงถูกยกย่องเชิดชูให้เด่นดังต่อไปว่า “แร่โคตรเศรษฐี” หลวงพ่อดิษฐ์สอนหลวงปู่ทองย้อยศิษย์รักไว้มากมายพร้อมทั้งทิ้งแร่เศรษฐีให้หลวงปู่ทองย้อยไม่น้อย ตอนที่มีแร่เยอะ ท่านไม่ห่วงเลยใครมาขอท่านแจกดะ ใครได้ไปเอาไปเลี่ยมแล้วรวยดีจัง…??? แจกใกล้หมด จึงคิดว่าสร้างพระปิดตายันต์ยุ่งลงหัวใจเศรษฐี สืบอายุพระพุทธศาสนาด้วย ช่วยบูชาครูพระปิดตาหลวงพ่อดิษฐ์อีกองค์ พระปิดตาหลวงปู่ทองย้อยทุกรุ่นดังระเบิด เพราะเกิดเศรษฐีใหม่มากมาย ไปถามเถอะเศรษฐีบ้านจัดสรร เศรษฐีใหม่ พกพระปิดตาหลวงปู่ทองย้อยทั้งน้าน ทำพิธีปักเทียนเบิกบายศรีกระทงข้าวดอก ถั่วงา ดอกไม้บอกกล่าวครูบาอาจารย์ และเทวดาที่รักษาแร่วิเศษนี้ในวันอังคาร ๒๗ ขึ้น ๕ ค่ำ ปี ๒๕๕๕ ฤคเวทภูมิโลฤกษ์ เป็นปฐม

ปิดตายันต์ยุ่ง “แร่โคตรเศรษฐี” เพราะใช้แล้วรวยมาก หรือแร่เศรษฐี เพราะใช้แล้วเป็นเศรษฐีมีทรัพย์ทุกคนไป หรือแร่บางม่วงเพราะชื่อคลองก็เรียกได้ นี้บ่งบอกอยู่แล้วว่าเป็นแร่วิเศษหรือแร่กายสิทธิ์ ที่รู้และใช้กันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ ว่าใครมีใครใช้จะร่ำรวยมาก เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี มีสตางค์เยอะ จับอะไรเป็นเงินเป็นทองไปหมด ทำมาหากิน ทำบริษัท ห้างร้าน ค้าขาย ก็จะ มีลูกค้ามาอุดหนุนมากล้น บางท่านที่หาช่องทางร่ำรวยทางลัด เล่นหวย รวยโป การพนันขันต่อก็จะได้โชคได้ลาภทางนี้ หลวงปู่ทองย้อย ท่านเตือนสติ “เงินทางพนันมันกินไม่นาน ให้ประกอบสัมมาอาชีพซะจะเจริญรุ่งเรืองดี ใครรวยแล้วเป็นเศรษฐีให้หมั่นไว้พระทำบุญประกอบการกุศล ศีลธรรมให้มั่นคงประจำใจ จะทำให้รวยยืนนานและจะรวยมากขึ้น เป็น โคตรเศรษฐีได้ไม่ยากเลย… พระปิดตาผูกยันต์ “หัวใจเศรษฐีเดินเส้นขนมจีนไว้ด้านหลัง”

วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ร่วมฉลองพุทธศาสนา 2,600 ปี วัดต้นโพธิ์ ศรีมหาโพธิ์


วันวิสาขบูชา ถือเป็นวันสำคัญของชาวพุทธทุกนิกายทั่วโลก แล้วยังเป็นปีฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าอีกด้วย ที่พระพุทธศาสนาได้กำเนิดขึ้นมา มีหลายที่หลายแห่งในประเทศไทยจัดงานรำลึกเฉลิมฉลองยิ่งขึ้น แต่มีที่หนึ่งที่เกี่ยวข้องเพราะว่ากันว่าต้นโพธิ์ของที่นี่เป็นหน่อที่มาจากต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าได้ประทับเป็นที่ตรัสรู้จริง ๆ ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย สถานที่แห่งนี้คือ วัดโพธิ์ศรีมหาโพธิ์ ต.โคกไทย อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี

วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ์ เป็นวัดที่มีความสำคัญของ จ.ปราจีนบุรี เพราะต้นศรีมหาโพธิ์ต้นสูงใหญ่และกว้างรอบวงลำต้นวัดได้ราว 25 ม. สูงราว 30 ม. ความใหญ่ของลำต้นนั้นยังไม่เทียบเท่าประวัติที่เล่าต่อ ๆ กันมาคือ เชื่อกันว่าเป็นต้นโพธิ์ที่มาจากหน่อจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้จากพุทธคยาประเทศอินเดีย เป็นต้นโพธิ์ต้นแรกของเมืองไทย มีอายุกว่า 2,000 ปี ต้นโพธิ์นี้มีขนาดเส้นรอบวงของลำต้น 20 ม. สูง 30 ม. มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 ม.


ต้นโพธิ์นั้นถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนา แล้วยิ่งหากได้มีการกราบไหว้ต้นโพธิ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการตรัสรู้นั้น ก็ถือเสมือนว่าได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยตัวเอง สำหรับบริเวณใต้ต้นโพธิ์นั้นยังประดิษฐานพระพุทธรูปเป็นพระประธาน เมื่อประกอบเข้ากับร่มเงาของต้นโพธิ์ที่แผ่ขยายกิ่งก้านสาขาจนดูเป็นสถานที่ที่ทรงทั้งความสงบและขรึมขลัง

สำหรับกิจกรรมที่ชาวปราจีนบุรีจัดเพื่อร่วมเฉลิมฉลองพุทธชยันตีนั้น สำหรับที่วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ การอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติจัดให้มีการอุปสมบทหมู่จำนวน 85 รูป การบวชเนกขัมมะ พุทธศาสนิกชนร่วมบวชเนกขัมมะจำนวน 900 คน การปลูกต้นตาลพระราชทาน ซึ่งต้นตาลมีความเกี่ยวข้องในพระพุทธศาสนาและเป็นสัญลักษณ์ของงานฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี การถวายผ้าป่ามหากุศล เป็นการจัดตั้งองค์ผ้าป่า 7 อำเภอ ด้านวิชาการ กิจกรรมประกอบด้วย การสาธยายพระไตรปิฎก นอกเหนือจากการเฉลิมฉลองส่วนอื่น ๆ ของจังหวัดที่มีทั้งการทำบุญและทำทาน โดยงานจะมีไปนับจากวันนี้ถึงวันที่ 4 มิ.ย.

โดยในวันที่ 4 มิ.ย. นั้น ชาวปราจีนบุรีขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทุกท่าน ร่วมแต่งกายด้วยชุดขาวร่วมพิธีเวียนเทียนรอบต้นโพธิ์ที่นำหน่อมาจากพุทธคยา ณ วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี ด้วย

หรือถ้าหากในช่วงนี้ยังไม่สามารถไปได้ ก็ขอเชิญชวนให้ลองไปเที่ยวดูสักครั้ง เขามีทีมมัคคุเทศก์จิ๋วคอยให้รายละเอียดเรื่องต้นโพธิ์อยู่ด้วย เพราะที่ อ.ศรีมโหสถนี้ยังมีสถานที่น่าท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง เพราะเป็นหนึ่งในโครงการ เล่าเรื่อง เมืองน่ารัก ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่มีเอกชนอย่างบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ พร้อมให้การสนับสนุน จะติดต่อเข้าไปดูการทำกระดาษก็ได้ และมีโรงแรมทวารวดี ระดับ 5 ดาวที่รอต้อนรับ สอบถามข้อมูลเพื่อชมวัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิเพิ่มเติมได้ที่โทร. 037-276-117, 037-276-114 และ 037-312-282