วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

หลวงพ่อโสธร กรมอนามัย

บูชาหลวงพ่อโสธร รุ่น “เบญจนวมงคล” ได้สร้างมหากุศลครั้งยิ่งใหญ่ น้อมเกล้าฯ ถาวย เป็นพระราชกุศล ได้วัตถุมงคลที่มีความศักดิ์สิทธิ์ พุทธศิลป์งามสว่า...ล้ำค่ายิ่ง

ได้สร้างมหากุศลครั้งยิ่งใหญ่

มะเร็งเต้านม เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในสตรีไทย ในปี 2553 พบผู้ป่วยรายใหม่ 13,184 ราย เสียชีวิต 4,665 ราย หรือทุก 2 ชั่วโมง จะพบสตรีไทยเสียชีวิตด้วยมะเร็งเต้านม 1 คน ท่านเป็นผู้หนึ่งที่สร้างมหากุศลครั้งยิ่งใหญ่เพื่อน้อมเกล้าฯ ถาวยสมเด็จพระบรมโอรสิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุ ครบ 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555 โดยสร้างโอกาสแก่สตรีไทยที่มีปัจจัยเสี่ยง แต่ด้วยโอกาสได้เข้าถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยเครื่องเอ็กซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ (MAMMOGRAPHY) แก่สตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาสโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ปกติการตรวจค้นหาด้วยวิธีนี้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองรายละประมาณ 2,000 บาท ซึ่งยังไม่ครอบคลุมในสิทธิประโยชน์ตามหลักประกันสุขภาพหน้า

ได้วัตถุมงคลที่มีความศักดิ์สิทธิ์ มหิทธานุภาพ อันสูงสุด

หลวงพ่อโสธร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระคู่บ้านคู่เมือง ที่เลี่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์มาช้านาน ประชาชนทั่วสารทิศหลั่งไหลมากราบสักการะขอพรมากที่สุดแล้วมักจะประสบความสำเร็จดังที่ปรารถนา โดยเฉพาะด้านโชคลาภ ค้าขาย และธุรกิจการค้า รักษาโรคภัยไข้เจ็บ สอบเข้าเรียนได้มีท่านผู้รู้ทรงอภิญญาได้กล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้หลวงพ่อโสธรมีความศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากมีเทพดามาปกปักรักษาองค์หลวงพ่อถึง 16 พระองค์ และหลวงพ่อประทับ ณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร ซึ่งต่อมาได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เชื่อกันว่าเป็นตำแหน่งที่มี “ฮวงจุ้ย” ที่ดีเยี่ยม เป็นตำแหน่งแห่งโภคทรัพย์ มีชื่อเรียกเดิมว่า “คุ้มมังกร หรือท้องมังกร” ฉะนั้นการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่แทนหลังเก่า จึงไม่มีการขยับเขยื้อนองค์หลวงพ่อแม้แต่น้อย

การสร้าง ถูกต้องตามประเพณีที่สืบมาแต่โบราณครบถ้วน คือ มวลสารดี ได้มีการรวบรวมอิทธิมวลสารศักดิ์สิทธิ์จากพระเกจิผู้ทรงวิทยาคมทั่วประเทศ ลงอักขระ เลขยันต์ในแผ่นทอง และขอชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสามารถรวบรวมได้มากกว่า 8,000 ชนิด นอกจากนี้ยังได้รับบริจาคมวลสารเก่าแก่ที่มีอายุนับ 1,000 ปี ตั้งแต่สมัยขอม, ทวาราวดี, เชียงแสน, อู่ทอง, สุโขทัย, อยุธยา และรัตนโกสินทร์ ก่อนจะนำมาหล่อหลอมได้ทำพิธีบวงสรวงขอขมาอย่างถูกต้อง

หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ แห่งวัดบ้านไร่ ได้เมตตาอธิษจิตปลุกเสกแผ่นยันต์ 5 พร้อมทั้งมอบมวลสารอีกเป็นจำนวนมากได้แก่ เส้นเกษา, จีวร และผงศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมผงจิตรลดาที่เหลือจากการจัดสร้างพระชินสีห์ ภปร. ปี 2548 อีกด้วย จึงทำให้วัตถุมงคลชุดนี้มีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเป็นทวีคูณ


รับเช่าจองบูชาตั้งแต่ วันที่ 1-31 สิงหาคม 2555 กำหนดรับวัตถุมงคลได้ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2555 เป็นต้นไป เช่าบูชาและรับบูชาได้ที่ร้าน 7-Eleven หรือ ที่ http://www.amuletat7.com/หลวงพ่อโสธร/รุ่นเบญจนวมงคล

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

พกของขลัง หวังซิวเหรียญ

นอกจากฝึกซ้อมอยากสุดชีวิตและเตรียมความฟิตให้พร้อมเกินร้อยแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องของ สภาพจิตใจ นั้นเอง ในศึกโอลิมปิก 2012 นี้ ทัพนักกีฬาไทยต่างมีวิธีการเสริมสร้างความมั่นใจ แบบพิเศษของตนเอง ต่างๆ นานา

สำหรับทีมกำปั้นไทบ 3 ราย เริ่มจาก สายลม อาดี ในรุ่น 60 กก. เผยว่า นำชายผ้าถุงของแม่ ติดตัวมาและจะพกขึ้นสังเวียนด้วย "ผมนำชายผ้าถุงที่แม่ให้ติดตัวมาด้วย โดยจะมัดไว้ที่หมัดในการขึ้นชกแต่ละครั้ง ซึ่งช่วยให้ผมมั่นใจมากขึ้น"

ด้าน แก้ว พงษ์ประยูร รุ่น 49 กก. เผยว่า ส่วนตัวนับถือหลวงปู่ทวด หลวงพ่อคูณ และ พระซุ้มกอซึ่งห้อยคอเป็นปกติอยู่แล้ว และในครั้งนี้ได้ไหว้รูปสมเด็จพุฒาจารย์(โต พรหมรังษี) ก่อนนอนด้วย

ส่วน ฉัตรชัย บุตรดี รุ่น 52 กก. กล่าวว่า ไม่มีเครื่องรางของขลังเป็นพิเศษ โดยใช้วิธีทำสมาธิ และ สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนเป็นประจำทุกคืน

ขณะที่ ณีนา รุจิราภรณ์ ลิเกิ้น ล่ำซำ สาวน้อยวัย 21 ปี นักกีฬาขี่ม้าประเภทอีเวนติ้งหญิง ซึ่งแม้จะไปเติบโตอยู่ที่ต่างประเทศ แต่คุณแม่สมรมิตต์ ล่ำซำ เผยว่า ลูกสาวไม่เคยลืมวัฒนธรรมไทย พร้อมกับได้สอนให้ไหว้เจ้าที่เจ้าทางในสนามแข่งขันด้วย เพื่อเป็นการขอขมาหากทำสิ่งใดล่วงเกินไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

อีกชนิดกีฬาที่ถูกตั้งความหวังว่าจะมีเหรียญกลับมาเมืองไทยคือ ยกน้ำหนัก ซึ่งจอมพลังไทยทั้ง 7 คนยกทัพบินลัดฟ้าบุกกรุงลอนดอนแล้ว เมื่อวานนี้ โดยบางรายพกพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองนับถือไปด้วย

สิริวิมล ประมงคล รุ่น 48 กก.หญิง มีพระกริ่งสัมฤทธิผล พุทธชยันตี 2,600 ปี วัดยานนาวา เป็นเครื่องรางนำโชค ส่วน พิมศิริ ศิริแก้ว รุ่น 58 กก.หญิง ได้นำพระผงหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี ติดตัวไปเพื่อเพิ่มความมั่นใจ


นอกจากสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของแต่ละรายแล้ว คนไทยทุกคนพร้อมส่งกำลังใจให้นักกีฬาของเราคว้าเหรียญโอลิมปิกกลับมาให้ได้

วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

หลวงพ่อแดง วัดราชสิงขร

จะหาวัดไหว้พระขอพรเพื่อเสริมสิริมงคลในยามว้าวุ่นใจ แนะนำมาที่วัดราชสิงขร ซอยเจริญกรุง 74 เขตบางคอแหลม

สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ช่วงปลายของกรุงศรีอยุธยา แต่กลับไม่มีปรากฏหลักฐานใดๆ เกี่ยวกับผู้สร้าง จึงคาดการณ์ว่าสร้างขึ้นจากการรวมกลุ่มของชาวบ้านที่ต้ิองการศูนย์รวมใจ


จุดเด่นของวัดนี้อยู่ที่องค์พระ "หลวงพ่อแดง" พระพุทธรูปสำริดแกมทองคำ ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 2.10 เมตร สูง 2.90 เมตร ผสมผสานศิลปะแบบอยุธยาและสุโขทัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างงดงาม จนทำให้มีการขนานนามว่า หลวงพ่อพระพุทธสุโขทัย ในเวลาต่อมา


สาเหตุที่เรียกว่าหลวงพ่อแดง เพราะขณะชะละลงมาจากอยุธยาทางแม่น้ำ เกิดกระแสน้ำเชี่ยวกรากจนทำให้แพเสียหลักและแตกลง ทำให้หลวงพ่อแดงจมอยู่ฝั่งตรงข้ามวัด ไม่สามารถขุดขึ้นมาได้ จนถึงหน้าแล้ง น้ำลด จึงเอาหลวงพ่อขึ้นจากน้ำ แต่ปรากฏว่าเมื่อนำตะไคร้น้ำออกแล้ว เกิดสนิมแดงจับทั่วองค์ เลยถูกเรียกว่า หลวงพ่อแดง แต่บัดนั้นเป็นต้นมา ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธาพระพุทธรูปองค์นี้มาก โดยเฉพาะความเชื่อเรื่องการบนบานสานกล่าวแล้ว มักได้สมปรารถนาเสมอ

วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

พระเกจิ นั่งปรก กับ พิธีพุทธาภิเษก

คำว่า "ปรก" และ "นั่งปรก" 2 คำนี้เป็นคำที่คนในแวดวงสร้างพระ และผู้เช่าหาวัตถุมงคลได้ยินทุกครั้งเมื่อมีการจัดสร้างวัตถุมงคล ส่วนคำว่า "ปางนาคปรก" เป็นชื่อเรียกพระพุทธรูปลักษณะนั่งสมาธิ และมีพญานาคแผ่หัวเป็นพังพานขึ้นจากไหล่ไปปรกพระเศียรของพระพุทธรูป แต่เดิมทำเป็นรูปพญานาคเป็นมนุษย์ มีรูปงู ๗ หัว เป็นพังพานขึ้นจากไหล่ไปปรกพระเศียร ในกิริยาที่พญานาคทำท่านมัสการพระพุทธเจ้า ต่อมาภายหลังทำพญานาคเป็นรูปงูขดตัวเป็นฐานตั้งพระพุทธรูปนั่งสมาธิบนตัวพญานาค และมีพังพานและหัวของพญานาค ๗ เศียรปรกอยู่

อย่างไรก็ตามพระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙) ราชบัณฑิต และเจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม ได้ให้ความหมายของคำว่า "ปรก" ในคำไทยหมายถึง ปก ปิด คลุม เช่น พระนาคปรก ผมปรกหน้า

ปรก ในคำวัด หมายถึง ซุ้มเล็กๆ ที่พระสงฆ์อาศัยในเวลาอยู่ปริวาส พอปกคลุมป้องกันแดดฝนได้ชั่วคราว ทั่วไปก็มุงด้วยใบไม้ หญ้าคา ใบมะพร้าว เป็นต้น เรียกการอยู่ในซุ้มนี้ว่า อยู่ปรก

นอกจากนี้ ปรก ยังใช้เรียกการนั่งเจริญจิตภาวนาในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลต่างๆ เช่น พิธีพุทธาภิเษกของพระสงฆ์ผู้ทรงวิทยาคุณ หรือเกจิอาจารย์ว่า นั่งปรก และเรียกพระสงฆ์ผู้เข้าพิธีนั้นว่า คณะปรก

พระเกจิคณาจารย์ดัง นั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก ณ พระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพมหานคร เมื่อวันวันอังคารที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๕ ในพิธีมหาพุทธาภิเษกพระกริ่ง “รุ่น ๑๕๕ ปี”

ส่วนการนั่งปรก คือ พระสงฆ์นั่งสวดมนต์ภาวนาปลุกเสกอธิษฐานจิต เพื่อสร้างพระ วัตถุมงคลต่างๆ เพื่อความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ โดยปกติจะมี ๔ ทิศ โดยรอบบริเวณพิธี มีสายสิญจน์โยงไว้โดยรอบ ถ้าต้องการละเอียดถูกต้องจริงๆ ขอให้ศึกษาค้นคว้าสอบถามข้อมูลทางพราหมณ์เพิ่มเติมด้วย

บทความจาก http://www.komchadluek.net